ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ออกคำสั่งตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสายตรวจร่วม ป้องกันอุบัติเหตุและการชุมนุมที่เสี่ยงแพร่ระบาดโควิด-19 คุมเข้มชายแดนสกัดกั้นแรงงานข้ามชาติหลบหนีเข้าเมือง
วันที่ 30 พ.ย.2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 29/2563 เรื่อง การปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 9) โดยมีรายละเอียดดังนี้
เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามประกาศนายกรัฐมนตรี เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 8) ลงวันที่ 23 พ.ย.2563 การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ลงวันที่ 23 พ.ย.2563 และการให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งนายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลบังคับใช้ ลงวันที่ 23 พ.ย.2563 เป็นไปด้วยความเรียบร้
อาศัยอำนาจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 1/2563 ลงวันที่ 25 มี.ค.2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินข้อ 3 (6) ข้อ 4 และข้อ 5 และคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไจสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงที่ 1/2563 ลงวันที่ 27 มี.ค.2563 ข้อ 1 จึงกำหนดแนวทางปฏิบัติดังนี้
1. ให้การปฏิบัติการตามคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ในเรื่องปรับการตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 จัดตั้งคณะตรวจการประกอบกิจการ และกิจกรรมตามาตรการผ่อนคลาย
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ มอบหน้าที่และอำนาจและแต่งตั้ง หัวหน้าคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายยังมีผลใช้บังคับและปรับการรปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทางที่กำหนด รวมทั้งดำรงความต่อเนื่องในการตรวจกิจการ และกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย โดยเฉพาะกิจการและกิจกรรมที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก และสถานประกอบการที่มีแนวโน้มการใช้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
รวมทั้งเพิ่มการรณรงค์ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการและประชาชนตระหนักและปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันโรค ตลอดจนแจ้งเบาะแสแก่ทางราชการ หากพบว่ามีผู้ละเมิดมาตรการป้องกันโรค เพื่อรองรับฤดูหนาวและการเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ รวมถึงการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬานานาชาติ ซึ่งจะมีการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก
2. ดำรงความต่อเนื่องในการตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสายตรวจร่วม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ การก่ออาชญากรรม การรวมกลุ่มชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วย การชุมนุมสาธารณะหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
3. เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าตรวจ สกัดกั้น และจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ในเขตรับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 และมีสถิติการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งประสานใช้กลไกด้านการปกครองในระดับพื้นที่ในการเฝ้าระวัง ค้นหา และการแจ้งเบาะแสผู้หลบหนีเข้าเมือง ตลอดจนเพิ่มมาตรการการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะในพื้นที่จังหวัดชายแดนและพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะขบวนการนำพาและผู้ให้ที่พักพิงกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการสอบสวนผู้กระทำผิดที่จับกุมได้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการป้องกัน การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป
ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2563 เป็นต้นไป
รายละเอียด : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/279/T_0039.PDF