ไทยป่วยโควิดเสียชีวิต 50 ราย ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,174 ราย

ไทยป่วยโควิดเสียชีวิตวันนี้ 50 ราย ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,174 ราย อยู่อันดับ 76 ของโลก ศบค.เผยพยคลัสเตอร์เพิ่มอีก 2 สมุทรปราการ ติดเชื้อแล้ว 167 ราย 

วันที่ 23 มิ.ย. 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่อีก 3,174 ราย โดยจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 36 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึง 228,539 ราย ยอดผู้เสียชีวิต 51 ราย มากที่สุดตั้งแต่มีการระบาดรอบใหม่ ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,744 ราย และหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 1,941 ราย หายป่วยสะสม 162,351 ราย หากนับเฉพาะการระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่ 1 เมษายน – 23 มิ.ย. 2564 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 199,676 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แนวโน้มในประเทศเพิ่มขึ้นทั้งการพบผู้ป่วยในระบบบริการ โรงพยาบาล และการค้นหาเชิงรุก ทำให้สถานการณ์การรอเตียงเริ่มมีเพิ่มมากขึ้น มีข้อเสนอ จัดการเพิ่มเติม โดยมีแนวคิดต้องย้ายผู้ป่วยอาการเบากว่าในโรงพยาบาล ไปยังโรงพยาบาลสนาม เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ป่วยระดับสีแดงเข้าโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น

พื้นที่กทม. ปริมณฑล มีลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ มี 12 จังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มในวันนี้ (แนวโน้มลดลง) ในขณะที่จังหวัดที่มีพบผู้ป่วย 1-10 ราย มีเพิ่มขึ้น เป็น 40 ราย มี 6 จังหวัดที่พบผู้ป่วยเพิ่มเกิน 100 ราย
คลัสเตอร์แต่ละจังหวัดที่พบคือ กทม. พบเพิ่ม 2 คลัสเตอร์ใหม่ เป็นโรงงานเย็บผ้า ซอยประดู่ เขตบางคอแหลม และโรงงานทำจิวเวลรี่ เขตคลางสาน เฝ้าระวังทั้งหมด 96 คลัสเตอร์

สมุทรปราการ พบคลัสเตอร์ใหม่ บริษัทก่อสร้าง ติดเชื้อแล้ว 167 ราย

สมุทรสาคร พบคลัสเตอร์ใหม่ โรงงานผลิตยางรถยนต์ อ.กระทุ่มแบน และโรงงานอาหารทะเลแปรรูป อ.เมืองสมุทรสาคร

ปทุมธานี พบคลัสเตอร์ใหม่ บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์

ราชบุรี พบคลัสเตอร์ใหม่ ค่ายทหาร ติดเชื้อแล้ว 73 ราย

นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า บุคลากรทางการแพทย์มีข้อเสนอให้ล็อกดาวน์กรุงเทพฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เช้านี้ได้มีการหารือกันว่าการล็อกดาวน์แม้เป็นเรื่องที่ได้ผลดี แต่ปัจจุบันได้ดำเนินการเป็นเฉพาะจุดอยู่แล้ว คือ เกิดเหตุตรงไหนก็จัดการตรงนั้น เช่น แคมป์ก่อสร้าง, โรงงาน
นอกจากนั้น การจะล็อกดาวน์ทั้ง กทม.อาจจะเกิดปัญหาให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานออกจาก กทม.ไปยังต่างจังหวัด ซึ่งอาจจะเป็นการไปเพิ่มปัญหาหรือเพิ่มการแพร่เชื้อให้จังหวัดอื่นๆ ได้ ดังนั้น การแก้ปัญหาต้องใช้วิธีผสมผสาน ซึ่งมีข้อสรุปว่าควรจะใช้มาตรการ Bubble and Seal เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิดในพื้นที่ กทม.แทนการล็อกดาวน์

การปิดกรุงเทพฯ นั้น คนกรุงเทพฯ จริงๆ ไม่ได้มีมาก ส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากต่างจังหวัด ถ้าปิดกรุงเทพฯ ก็จะมีแรงงานเคลื่อนย้ายไปต่างจังหวัด ซึ่งอาจจะไปเพิ่มการติดเชื้อในต่างจังหวัดให้มากขึ้นได้ ตรงนี้ การแก้ปัญหาต้องผสมผสาน จึงมีข้อสรุปว่าจะทำ bubble and seal ผู้อำนวยการ ศปก.ศบค.ได้เน้นย้ำถึงคำนิยามของ “Bubble and Seal” ว่าแนวทางปฏิบัติจะต้องถูกต้องตรงกันในทุกที่ ซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นตัวอย่างจากจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทำได้อย่างดี ดังนั้นจึงอยากให้ กทม.พิจารณาเป็นตัวอย่าง แต่ยอมรับว่า กทม.อาจมีการจัดการที่ยากและซับซ้อนกว่า เนื่องจากจำนวนแรงงานมีมากกว่า สถานประกอบการมีมากกว่า ซึ่งได้ขอให้รองปลัดกทม. ไปดำเนินการแบ่งเขตจัดการในแต่ลพื้นที่ให้เหมาะสม

โฆษก ศบค.กล่าวว่า ผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. ได้กำชับว่าแหล่งรังโรคเกิดขึ้นที่ไหน ให้จัดการเฉพาะที่นั่น ดังนั้นข้อเสนอที่บุคลากรทางการแพทย์เสนอขึ้นมานี้ จึงนำมาสู่การคิดและปฏิบัติที่ผสมผสาน ภายใต้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ต้องไปด้วยกันได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในต่างจังหวัดด้วย