SHARE

คัดลอกแล้ว

ศบค.เห็นชอบยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ มอบ สธ.เสนอแผนปฏิบัติการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ต่อที่ประชุมครม. “พล.อ.ประวิตร” ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมทำงานให้ไทยสามารถผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) วันนี้ (23 ก.ย. 2565) มติเห็นชอบให้มีการยกเลิกประกาศการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป หลังบังคับใช้ในช่วงการแพร่ระบาดโควิดมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้ ศบค. มีอันต้องยุบเลิกไปด้วย หลังจากนี้จะใช้กฎหมายปกติควบคุมสถานการณ์แทน

สำหรับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมโควิด-19 มีการประกาศใช้มาแล้วกว่า 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2563 และขยายระยะเวลาบังคับใช้มาจนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 19 ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้รัฐบาลมีอำนาจพิเศษในการควบคุมสถานการณ์

ด้านพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวภายหลังการประชุม ศบค. ว่า การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยให้มีผลในวันที่ 30 ก.ย. นี้ จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบในสัปดาห์หน้า และกลไกจากนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดูแล

ส่วนเหตุผลที่มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งหากติดตามการแก้ไขปัญหาโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องได้มีการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน โดยขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น และกระทรวงสาธารณสุขประกาศ ให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง จึงถือว่ากฎหมายปกติสามารถบังคับใช้ได้แล้ว และดูแลตามสถานการณ์ โดยให้ดำเนินการตามแผนและขั้นตอนที่วางไว้

ทั้งนี้ เมื่อยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ก็จะทำให้การทำหน้าที่ของ ศบค. ยุติไป รวมถึงศูนย์ต่างๆ ทั้ง 9 ศูนย์ของ ศบค. ก็ต้องยุติไปด้วย และใช้กลไกปกติในการดำเนินการ

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า หากมีการกลับมาระบาดระลอกใหม่ก็สามารถประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้อีก ซึ่งในประเทศไทยหากมีเรื่องใดที่วิกฤต ที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่าต้องใช้กฎหมายพิเศษ ก็สามารถทำได้ ซึ่งในเรื่องของโควิดก็จะใช้กลไกผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งกทม. และต่างจังหวัด ก็เป็นกลไกหนึ่งในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ก็สามารถใช้อำนาจในการประกาศเป็นโรคระบาดได้ และใช้กฎหมายที่ตนเองมีอยู่ดำเนินการได้เลย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  สรุปสาระสำคัญการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ดังนี้

1. เห็นชอบยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 19) ลงวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 รวมทั้งบรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่ง ที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจแห่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยให้มีผลในวันที่ 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากเหตุของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวได้คลี่คลายลงอย่างมาก โดยหน่วยงานของรัฐทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงสามารถนำมาตรการตามกฎหมายเข้าแก้ไขปัญหาได้ตามปกติแล้ว

2. รับทราบแผนปฏิบัติการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานให้แก่จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในห้วงหลังจากการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยแผนมีรายละเอียดประกอบด้วย สถานการณ์ วิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ ประเด็นยุทธศาสตร์ จำนวน 4 ประเด็น และกลยุทธ์ รวมถึงกิจกรรมในการดำเนินงาน โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนฯ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนต่อไป

3. รับทราบประมวลผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของศูนย์ปฏิบัติการด้านต่าง ๆ ภายใต้ ศบค. จำนวน 9 ศูนย์ปฏิบัติการ ประกอบด้วย ผลการดำเนินการในห้วงที่ผ่านมารวมถึงปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ที่ศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ได้รวบรวมเพื่อเป็นข้อมูลในการนำไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินการในอนาคต โดยรองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำ ขอบคุณศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งตลอดมา และการตัดสินใจแก้ปัญหาเป็นเรื่องยาก ที่ต้องพิจารณาโดยรักษาความสมดุลระหว่างผลกระทบด้านสาธารณสุขกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ซึ่ง ศบค.ได้ดำเนินการอย่างประสบผลด้วยดีตลอดมา

4. รับทราบแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว และการสร้างความเชื่อมั่นในระยะต่อไปโดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วางแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว โดยประสานความร่วมมือกับส่วนราชการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยด่วน โดยเฉพาะในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 และการปรับตัวสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New normal) อาจถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า แม้สถานการณ์จะคลี่คลายแล้ว ยังขอเน้นย้ำเป็นภารกิจของทุกหน่วยงานที่ต้องส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักในการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้ยั่งยืนต่อไป

การประชุมในวันนี้ถือว่าภาพรวมของ ศบค. ได้ดำเนินการร่วมกันมาเป็นระยะเวลา 2 ปีครึ่ง ซึ่งได้เห็นผลลัพธ์ในการดำเนินงานทั้งในรูปของปฏิบัติการควบคุมโรค ความก้าวหน้าเรื่องวัคซีน รวมถึงผลลัพธ์ของหน่วยงานทุกหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง ขอเน้นย้ำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนรองรับการปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะระดับจังหวัดและพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนแผนให้เกิดความสำเร็จและเห็นผลเป็นรูปธรรม ให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุก ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ เข้าใจในการทุ่มเททำงานอย่างหนักของรัฐบาล นอกจากนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับประชาชนในภารกิจที่รัฐบาลดำเนินการ ทั้งในเรื่องการเตรียมความพร้อมการให้การบริการทางสาธารณสุข การกระตุ้นให้มีการฉีดวัคซีน รวมถึงแนวทางการปฏิบัติของประชาชนในขณะที่โรคโควิดถูกกำหนดให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยขอให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือด้วย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า