Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ศบค.เปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทย ประจำวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ไทยติดเชื้อภายในประเทศเป็น 0 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 28 ครบกำหนด 2 เท่าระยะเวลาการฟักเชื้อโควิด-19

วันที่ 22 มิ.ย.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันพบว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 3 คน รวมสะสม 3,151คน, หายป่วยเพิ่ม 4 คน รวมสะสม 3,022 คน, กำลังรักษาลดลง 1 คน สะสมใน รพ. 71 คน และผู้เสียชีวิต 0 คน รวมสะสม 58 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การติดเชื้อในประเทศไทยเป็น 0 ต่อเนื่อง 28 วันหรือ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะฟักตัวของเชื้อโควิด-19 เท่ากับไทยมีระยะความเสี่ยงน้อยแล้ว สำหรับผู้ป่วยใหม่ 3 รายเพศหญิง มาจากอินเดีย อายุ 11 ปี 21 ปี และ 34 ปี เข้ามาวันที่ 15 มิถุนายน 63 มีการเชื่อมโยงกับผู้ป่วย 1 รายที่มาในเที่ยวบินเดียวกันวันที่ 18 มิถุนายน 63 เข้า State Quarantine ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 20 มิถุนายน 63 ผลพบการติดเชื้อ ทุกรายไม่มีอาการทำให้ตัวเลขสะสมของอินเดียที่เดินทางเข้ามาแล้ว 2,665 ราย พบผลยืนยันแล้ว 14 ราย โดยบวกเพิ่มวันนี้อีก 3 ราย
ประเด็นข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศว่า สื่อญี่ปุ่นชื่นชมไทย ใช้มาตรการเข้มงวดเร็ว ทำให้ควบคุมโควิดได้ผล โดยนิคเคอิ เอเซียน รีวิว ได้เขียนบทความวิเคราะห์ความสำเร็จของประเทศที่ควบคุมโควิด-19 ได้สำเร็จ โดยสรุปว่าปัจจัยสำคัญคือการตัดสินใจใช้มาตรการเข้มงวดก่อนที่อัตราการแพร่ระบาดต่อวันจะพุ่งสูงเกิน 0.5 รายต่อประชากรแสนคน ซึ่งหากใช้มาตรการหลังจากนั้น จะมีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อแพร่ระบาดจนควบคุมไม่อยู่ โดยประเทศไทยเริ่มใช้มาตรการเข้มงวดเมื่ออัตราผู้ติดเชื้ออยู่ที่เพียง 0.02 ต่อประชากรแสนคน ทำให้ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดในระลอกแรกได้ แต่หากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในยุโรปและอเมริกา จะพบว่ามีการใช้มาตรการเข้มงวดที่ล่าช้ากว่ามาก โดยในอังกฤษ มีอัตราผู้ติดเชื้อถึง 0.76 ต่อแสนประชากร จึงเริ่มใช้มาตรการเข้มงวด ส่วนที่นิวยอร์ก เริ่มใช้มาตรการเข้มงวดเมื่อมีอัตราผู้ป่วยสูงถึง 4.25 รายต่อแสนประชากร ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า หากทั้งอังกฤษและอเมริกาใช้มาตรการเข้มงวดเร็วขึ้นอีกแค่อาทิตย์เดียวอาจจะมีผู้เสียชีวิตลดลงถึงครึ่งหนึ่ง
โฆษก ศบค. กล่าวถึงกรณีผู้ที่เข้าพักใน State Quarantine ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ ตรวจร่างกายไม่พบเชื้อโควิด แล้วเสียชีวิตขณะที่พักอยู่ใน State Quarantine ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นรายแรกจาก 40,000 กว่ารายที่เข้ามายัง State Quarantine และ Local Quarantine ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้สูญเสีย โดยผู้ที่เข้ามายังสถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้ มียอดสะสมประมาณ 40,000 กว่าราย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยและมอบหมายให้ ศบค. ชุดเล็กดำเนินการตามมาตรการคุมเข้ม เมื่อซักประวัติแล้วพบมีอาการป่วยที่จำเป็นจะต้องเข้าโรงพยาบาล จะไม่ให้เข้าไปยังสถานกักกันในโรงแรมที่เป็น State Quarantine โดยจะต้องเข้า Hospital Quarantine เท่านั้น เป็นมาตรการใหม่ที่ทีมปฏิบัติการการดูแลผู้ที่กลับจากต่างประเทศต้องดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีชายไทยขอความช่วยเหลือจากกู้ภัย เนื่องจากสงสัยว่าตนเองมีอาการคล้ายผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ สถานีรถไฟหาดใหญ่ จ.สงขลา นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตรวมถึงมีประวัติการใช้สารเสพติด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และอยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลหาดใหญ่ระหว่างรอผลการตรวจ
โฆษก ศบค.ย้ำว่าไทยยังไม่สามารถผ่อนคลายทุกมาตรการตามปกติได้ โดยคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการ ได้มีการหารือถึงการแบ่งกลุ่มการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มแรก ประกอบไปด้วย นักธุรกิจ นักลงทุน แรงงานฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจต่าง ๆ คนต่างด้าวที่มีครอบครัวเป็นคนไทย คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยวทางด้านการแพทย์ (Medical and Wellness Tourism) ซึ่งกลุ่มนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine 14 วันเพื่อสังเกตอาการ
กลุ่มที่ 2 การทำ Travel Bubble ที่ผ่อนผันในการเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine 14 วัน ประกอบไปด้วย นักธุรกิจ นักลงทุน แขกของรัฐบาล แขกของส่วนราชการ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางตามโครงการ Travel Bubble ที่เดินทางเข้ามาระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมเสนอต่อที่ประชุม ศบค. เพื่อให้ความเห็นชอบ

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า