อธิบดีกรมควบคุมโรค ขอผู้ปกครองอย่าห่วงฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียน จะสร้างประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียง คาดปีหน้าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เด็ก 3 – 11 ปี
วันที่ 4 ต.ค. 2564 นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กนักเรียน ว่า ขณะนี้ได้วางแผนคาดประมาณจำนวนวัคซีนที่จะให้บริการในปี 65 แล้ว
โดยคาดว่าเข็ม 1 จำนวน 6 ล้านโดส สำหรับเด็ก 3 – 11 ปี
เข็ม 2 จำนวน 8 ล้านโดส สำหรับผู้ยังไม่เคยได้รับวัคซีนในปี 64 และ 6 ล้านโดส สำหรับเด็ก 3 – 11 ปี
เข็ม 3 จำนวน 66 ล้านโดส สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 86 ล้านโดส
สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 12 – 17 ปี ในวันนี้ที่เริ่มดำเนินการเป็นวันแรกนั้น รูปแบบการให้บริการจะผ่านสถาบันการศึกษาเป็นสำคัญ อาทิ โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดรัฐบาลและเอกชน สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนสอนศาสนา และโรงเรียนทหาร โดยหากนักเรียนในสถาบันดังกล่าว มีอายุเกิน 18 ปี สามารถอนุโลมให้เข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ได้เช่นกัน
สำหรับอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่อาจเกิดจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ นพ.โอภาส ชี้แจงว่า ส่วนใหญ่มักพบในเด็กผู้ชาย อายุ 12 – 17 ปี ในวัคซีนเข็ม 2 หลังจากการฉีดวัคซีน 1 – 5 วัน ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและหายได้เอง
สำหรับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กนักเรียน อายุ 12 – 17 ปี สามารถฉีดสองเข็มเหมือนกันทั้งเด็กชายและเด็กหญิงได้หรือไม่นั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ยืนยันว่าเข็มแรกยังคงให้ฉีดเหมือนกันไปก่อน แต่เข็มต่อไปสำหรับเด็กผู้ชายจะทำการประเมินอีกครั้ง ส่วนเด็กหญิงยังมั่นใจว่าปลอดภัย ยืนยันให้ฉีดได้ทั้งสองเข็ม อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าการฉีดวัคซีนจะสร้างประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียง พร้อมย้ำว่าผู้ปกครองไม่ต้องห่วง
สำหรับการเปิดเทอมเรียนแบบออนไซต์บนพื้นที่แดงเข้มถือว่ายังเป็นเรื่องที่น่าห่วง เนื่องจากโรงเรียนเป็นอีกสถานที่ที่สามารถเกิดการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้ออย่างรวดเร็ว โดยหากมีการเปิดเทอมแบบออนไซต์ ขอให้มีการเคร่งครัดในมาตรการการป้องกัน เว้นระยะห่าง ล้างมือ รวมทั้งระบบระบายอากาศ ส่วนบุคลากรทางการศึกษาทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนครบ 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับโรงเรียนประจำ อาจจะต้องขอให้มีการตรวจ ATK ทั้งเด็กนักเรียนและบุคลากรเป็นระยะด้วย
สำหรับวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 3 – 11 ปี ที่จะฉีดในปี 65 นั้น จะต้องหารือกับทาง อย. ประเทศไทยก่อน โดยขณะนี้มีวัคซีนหลายตัวที่กำลังยื่นข้อมูลไปเพื่อให้ อย. พิจารณา คาดว่าไม่เกินปีหน้าจะมีวัคซีนฉีดให้เด็กอายุ 3 – 11 ปีแน่นอน
อย่างไรก็ตาม วันพุธที่ 6 ต.ค. นี้ จะมีวัคซีนทยอยเข้ามาอีกจำนวน 1.5 ล้านโดส และสัปดาห์หน้าอีก 1.5 ล้านโดส โดยจะทำการกระจายวัคซีนทันทีหลังจากทำการตรวจสอบวัคซีนเสร็จสิ้น