CPN เดินหน้าปั้นมิกซ์ยูส ปี 68 ครบ 30 แห่งทั่วประเทศ ปีหน้า The Central พหลฯ มาแน่

เซ็นทรัลพัฒนาเปิดใหญ่ โครงการใหม่เพียบ พร้อมปรับโฉมโครงการเดิม เน้นสู่มิกซ์ยูสทั่วประเทศ ‘เพราะประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ’ เดินหน้าลงทุนตามแผน 5 ปีกว่า 120,000 ล้านบาท ผลักดันโปรเจ็กต์ด้วยกลยุทธ์ Retail-Led Mixed-Use Development มีครบทั้งศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย โรงแรม และอาคารสำนักงาน

ในปีนี้เซ็นทรัลพัฒนาครบรอบ 45 ปีแล้ว โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนาสามารถทำรายได้ All-time High ไปได้มากถึง 51,843 ล้านบาท ส่วนกำไรกวาดไปได้ 16,729 ล้านบาท พร้อมสร้างผลตอบแทนที่สูงแก่ผู้ถือหุ้น อีกทั้งดึงดูด All-Time High Traffic รวมกว่า 500 ล้าน Visits ต่อปี และมีนักท่องเที่ยวมาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลถึง 67 ล้าน Visits ต่อปี สำหรับธุรกิจ Non-Retail ประสบความสำเร็จเช่นกัน โดยธุรกิจ Residence เติบโตทั้งแนวราบและแนวสูง คอนโดมิเนียมติดศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้รับความนิยมสูง ทั้งเอสเซ็นท์ นครสวรรค์, นครปฐม, นครศรีธรรมราช ขายหมดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ธุรกิจ Hotel ขยายต่อเนื่อง ปีที่แล้วเปิด Hilton Garden Inn Rayong และเดินหน้าเปิด GO! Hotel อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธุรกิจ Office มีความแข็งแกร่ง โดยปลายปีที่ผ่านมามี Occupancy Rate กว่า 90%

สำหรับปีนี้และปีหน้า ยังลุยเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยแผนพัฒนาเมกะโปรเจกต์ พร้อมปั้น New CBD ในกรุงเทพฯ และมิกซ์ยูสทั่วประเทศ โครงการไฮไลท์ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ประกอบไปด้วย….

1.) Central Park ศูนย์การค้าระดับ Masterpiece ใจกลางกรุงเทพฯ บนหัวมุมถนนสีลม-พระรามสี่ ตรงข้ามสวนลุมพินี เตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ โดยออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok บนที่ดินขนาด 23 ไร่ มีพื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) กว่า 130,000 ตร.ม. ขณะนี้มีแบรนด์ดังระดับโลกจองพื้นที่เกือบเต็มแล้ว รวมกว่า 230 แบรนด์ โดยมีทั้งแบรนด์ First-Time in Thailand และคอนเซ็ปต์ใหม่ที่นำโดยเครือ Inditex ที่ขยายครบทุกแบรนด์ในเครือ นอกจากนี้ยังมี High-Street & Bridge-Line Fashion, Prestige Cosmetic Brands, และ Sport Destination ที่รวบรวมแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลก มาพร้อมร้านอาหารไทยระดับตำนานและ Michelin Street Food ร้านดังมากมาย

นอกจากส่วนของรีเทลแล้ว ยังมีส่วนของออฟฟิศสำนักงานอย่าง ‘Central Park Offices’ อาคารสำนักงานที่ล้ำสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ วิวสวนลุมพินี พื้นที่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ Global Visionaries และเป็นศูนย์รวมของบริษัทชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี, ฟาร์มาซูติคอล, ไบโอเทค, และโลจิสติกส์ ผู้เช่าจสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์การค้าได้อย่างง่ายดาย มี Rooftop Park ขนาดใหญ่ และสิทธิพิเศษจากทุกส่วนของโครงการ โดยในปีแรกของการเปิดตัว ตั้งเป้าอัตราการเช่า (Occupancy Rate) สูงถึง 80% ทั้งนี้ส่วนของโรงแรมและที่อยู่อาศัยที่ร่วมกับเครือดุสิตได้ทยอยเปิดขายไปแล้วก่อนหน้านี้

2.) The Central พหลโยธิน ถือเป็นหนึ่งในโครงการ Mixed-use ที่ใหญ่ติด Top3 ของเซ็นทรัลพัฒนา ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน สามารถเชื่อมต่อกับศูนย์การค้า Central ลาดพร้าวได้ ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสแห่งแรกของเซ็นทรัลพัฒนา และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของย่านมายาวนานกว่า 45 ปีแล้ว  โดย ‘The Central’ พหลโยธินจะอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 49 ไร่ พร้อมศูนย์การค้าขนาดใหญ่ (GBA 460,000 ตร.ม.) ระดับ Flagship รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคใหม่ โครงการนี้ถูกวางให้เป็น Gateway สำคัญในการดึงดูดดีมานด์ใหม่จากกรุงเทพฯ ตอนบน รวมถึงนักช้อประดับคุณภาพจากจังหวัดใกล้เคียง

โครงการนี้ยังมีแผนดึงแบรนด์ระดับโลก (Global Brands) เข้ามาเปิด Flagship Store เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เช่นเดียวกับความสำเร็จของเซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 ปี 2569

3.) Central Northville (เซ็นทรัล นอร์ธวิลล์) โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่สุด ใจกลางนนทบุรี ภายใต้แนวคิด The New District of North Bangkok บนพื้นที่เดิมของเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ที่เคยปิดปรับปรุงไป ครอบคลุมพื้นที่กว่า 59 ไร่ และมีพื้นที่ศูนย์การค้า (GBA) 210,000 ตร.ม. โครงการนี้โดดเด่นด้วย Biophilic Design นำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร สร้างบรรยากาศ Outdoor-in-Indoor คล้ายกับโมเดลรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ (อย่าง Central Eastville และ Central Westville) ออกแบบพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันแบบ Socialized, Multi-Generation & Community Space รวมถึงรองรับ Pet-Friendly มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังเตรียมต้อนรับการขยายตัวของแบรนด์ดังจากไทยและต่างประเทศเข้ามาในโครงการ รวมถึงธุรกิจในเครือเซ็นทรัลเองด้วย เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนในย่าน ครอบคลุมทั้ง Family & Edutainment, Food, Sport & Wellness Destinations คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการใน ไตรมาสที่ 2 ปี 2569

4.) Central Khonkaen Campus โครงการมิกซ์ยูสใหม่ล่าสุดเมืองขอนแก่น ซึ่งถือเป็นศูนย์การค้าแห่งที่สองในจังหวัดขอนแก่น บนทำเลศักยภาพสูงใจกลางย่านการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น และโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น ศูนย์กลางทางการแพทย์ของเมือง โดยขอนแก่นเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง และโครงการนี้จะเข้ามายกระดับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองด้วยพื้นที่กว่า 30 ไร่ และศูนย์การค้า (GBA) 67,000 ตร.ม. ออกแบบด้วยแนวคิด The New Dimension of Lifestyle

โครงการนี้จะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง Urban Lifestyle และ Local Wisdom สะท้อนเอกลักษณ์และความภูมิใจของชาวขอนแก่น นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ รวมถึงเปิดตัว GO! Hotel แห่งแรกของภาคอีสาน ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการใน ไตรมาสที่ 2 ปี 2569

5.) Central Chiangmai Airport ปรับโฉมครั้งใหญ่ สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการรีเทลภาคเหนือ จากที่ผ่านมาได้ปรับ Master Planning ใหม่ครั้งใหญ่ บนที่ดินกว่า 130 ไร่ และศูนย์การค้า (GBA) ขนาด 173,000 ตร.ม.โครงการนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Muji’s First Flagship Store ในภาคเหนือ พร้อมรวบรวมแบรนด์ชั้นนำใหม่ๆ มาให้เลือกสรรมากขึ้น นอกจากนี้ ยังขยายโซน กาดหลวง Indoor Local Market ถึง 3 เท่า รวมเป็น 10,000 ตร.ม. และเพิ่มเสน่ห์ให้กับพื้นที่ด้วยโซน Hug Craft & Northern Village ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว (Tourist Magnet)

นอกจากศูนย์การค้าแล้ว โครงการยังมาพร้อมกับ Convention Hall, Tourist Hub และ Multi-Generation Space รวมถึงการเปิดตัว Go Wholesale สาขาแรกในภาคเหนือ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในทุกกลุ่มในอนาคต ยังมีแผนพัฒนา โรงแรมและคอนโดมิเนียม เพื่อเติมเต็มศักยภาพของทำเล และคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบใน ไตรมาสที่ 2 ปี 2569

6.) Central Phuket และเปิดตัว Central Krabi สานต่อความสำเร็จของ Central Phuket ศูนย์การค้าลักชัวรีเพียงแห่งเดียวนอกกรุงเทพฯ เสริมภาพลักษณ์ของภูเก็ตให้เป็น World-Class Tourist Destination ด้วยพื้นที่รวมกว่า 400,000 ตร.ม. ครอบคลุมทั้งโซน Floresta และ Festival รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัย โดยเตรียมขยายพื้นที่โซนลักชัวรีเพิ่มอีก 20,000 ตร.ม. ด้วยงบลงทุน 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่ารวมของทั้งโครงการมิกซ์ยูสแตะ 23,000 ล้านบาท โดยเฟสแรกของส่วนขยายจะเปิดให้บริการใน ไตรมาสที่ 3 ปี 2569

นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม 2568 เตรียมเปิด Central Krabi ศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่พร้อมยกระดับศักยภาพกระบี่สู่การเป็น เมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยวางแนวทางให้เป็นศูนย์การค้าต้นแบบด้าน Sustainable & Mindful Travel เชื่อมโยงไปกับการพัฒนาเมืองเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ไม่เพียงแต่โครงการที่กล่าวมาข้างต้น แต่ทางเซ็นทรัลพัฒนายังมีโครงการ Transformation ครั้งใหญ่อีกหลายแห่ง เพื่อยกระดับศูนย์การค้าในทำเลศักยภาพ รองรับ Affluent Demographic ที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ด้วยการสร้าง Magnet Destinations ที่รวมที่สุดของ Fashion, Food Hub และ Family & Edutainment ในแต่ละพื้นที่ พร้อมดึงดูดทั้ง Key Anchor Brands และแบรนด์ชั้นนำใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น….

• Central Pinklao – New Soul of the District (เปิด Q3 ปี 2568) ปรับโฉมเป็นศูนย์กลางใหม่ของฝั่งธนบุรี รองรับการเติบโตของประชากรและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น
• Central Chaengwattana – The Life Extraordinaire (เปิด Q4 ปี 2568) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงาน ครอบครัวกำลังซื้อสูง และชุมชน Expat ในย่านศูนย์กลางออฟฟิศ
• Central Bangna – Life Well Lived (เปิด Q3 ปี 2569) ยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกค้าในย่านบางนา ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยลักชูรี่ ด้วยการขยาย Master Planning โครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่ 50 ไร่

นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารระดับสูงของเซ็นทรัลพัฒนายังได้เผยข้อมูล Insights และกลยุทธ์ผลักดันยอดขายและสร้างความสำเร็จเป็น Trusted Partner ที่พร้อมผลักดันให้พันธมิตรเติบโตไปพร้อมกัน โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลประสบความสำเร็จเป็น Thailand’s Largest Retail Destination for Global Brands ซึ่งปัจจุบันกว่า 80% ของแบรนด์ระดับโลกเลือกมาเปิด First Time in Thailand ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล และมี Flagship Stores มากถึง 50 ร้าน หลายแบรนด์มีสาขาที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายในระดับ Top Rank สำหรับอีกหนึ่งความสำเร็จในการดูแลพาร์ทเนอร์คู่ค้า คือการสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจด้วย The 1 Biz เครื่องมือ CRM ที่ช่วยขับเคลื่อนยอดขาย ล่าสุดแบรนด์ที่เข้าร่วมมีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 3 เท่า ปีที่ผ่านมาสมาชิก The 1 แลกพอยท์ในโซนร้านค้ากว่า 300 ล้านพอยท์ และบิลที่สะสมพอยท์สูงสุดแตะ 3.4 ล้านบาท นอกจากนี้ เรายังได้สร้าง Experience Application ‘Central X’ เพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์แบบ O2O

โดยตลอด 45 ปี เซ็นทรัลพัฒนาได้สนับสนุนสังคมและชุมชนกว่า 5,000 ล้านบาท ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน, พื้นที่สาธารณประโยชน์ และโอกาสทางการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม เราเดินหน้าสู่ Net Zero 2050 ได้รับการจัดอันดับ DJSI Best-in-Class 7 ปีซ้อน และเป็นอสังหาฯ รายแรกที่ออก ‘Green Bond’ อีกทั้งทุกศูนย์การค้าติดตั้ง Solar Rooftop, EV Charging Station พร้อมขับเคลื่อนโครงการ Green Partnership เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกับพันธมิตรร้านค้า