‘CPRAM’ คาดการณ์ปี 68 ยอดขายสินค้าที่มี ‘วัตถุดิบปู’ มูลค่าจะแตะ 850 ล้านบาท

สำหรับสินค้าอาหารและของทานเล่นที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารพร้อมทานชั้นนำของประเทศไทย ถือว่ามีหลายเมนูชื่อดังที่ติดตลาด และครองใจคนไทย

หนึ่งในนั้นก็คือ อาหารและของทานเล่นที่ทำมาจาก ‘เนื้อปู’ อย่างเช่น ข้าวผัดปู, ขนมจีบปู และเกี๊ยวปู (แบรนด์ เจด ดราก้อน) ซึ่งวางจำหน่ายทั้งในเซเว่น-อีเลฟเว่น, แม็คโคร และโลตัส ทุกสาขา

โดยในปี 2567 มูลค่ารวมของประเภทข้าวกล่อง และสินค้าอื่นๆ ที่ใช้วัตถุดิบปู อยู่ที่ประมาณ 780 ล้านบาท​​ ทั้งยังคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้น ซึ่งในปี 2568 คาดว่า ยอดขายสินค้าที่มีการใช้วัตถุดิบปู จะมีมูลค่าแตะที่ 850 ล้านบาท

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผู้ผลิตอาหารพร้อมทาน และของทานเล่น CPRAM ให้ความสำคัญกับเรื่อง ‘การสร้างสมดุล’ เพื่อวัฏจักรทางธรรมชาติ จึงเกิดเป็นโครงการชื่อว่า “ปูม้ายั่งยืน คู่ทะเลไทย” โดยปีนี้ทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 แล้ว

จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางอาหารขององค์กร โดยมีการจัดทำร่วมกับ ‘จังหวัดสุราษฎร์ธานี’ รวมทั้ง กรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เขต 3 (สุราษฎร์ธานี), บริษัท วิยะเครป โปรดักส์ จำกัด, กลุ่มอนุรักษ์พันธุ์ปูม้า(ธนาคารปู), ชาวประมงพื้นบ้าน และชาวบ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา CPRAM พร้อมพาร์ทเนอร์ที่กล่าวมา รวมทั้งสื่อมวลชนของไทย ได้ร่วมกันปล่อยลูกพันธุ์ปูม้า ‘ระยะ Young Crab’ สู่ท้องทะเลที่เกาะเสร็จกว่า 2 แสนตัว

ปัจจุบันการปล่อยลูกพันธุ์ปูม้าสะสมมากกว่า 1.6 ล้านตัว โดยช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย ชาวบ้านชาวประมง ฯลฯ ได้กว่า 500 ล้านบาทต่อปี

‘วิเศษ วิศิษฏ์วิญญู’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ได้กล่าวว่า “การดำเนินโครงการตลอด 13 ปี ทำให้เราสามารถปล่อยลูกพันธุ์ปูม้า รวมกว่า 1.6 ล้านตัว สู่ระบบนิเวศทางทะเลของไทย ช่วยเพิ่มปริมาณปูม้าในทะเลไทย”

ทั้งยังพูดถึงยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ขององค์กร ภายใต้แนวทาง Food 3S ก็คือ

1. ความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety)

2. ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security)

3. ความยั่งยืนทางอาหาร (Food Sustainability)

ขณะเดียวกัน ‘ธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล’ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สร้างความร่วมมือที่ดีกับบริษัท ซีพีแรม จำกัด เพื่อการฟื้นคืนทรัพยากรปูม้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และยั่งยืน โดยเกาะเสร็จ ในพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมาก ทั้งหญ้าทะเลซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของลูกพันธุ์ปูม้า ระดับความเค็มของน้ำทะเล รวมถึงสภาพภูมิศาสตร์โดยรอบ จึงเหมาะต่อการอนุบาลสัตว์น้ำทะเล”

“อีกทั้งการปล่อยปูม้าซึ่งเติบโตอยู่ในระยะ Young Crab ถือว่ามีระยะที่มีความเหมาะสมมาก เพราะลูกพันธุ์ปูม้าเริ่มมีความแข็งแรง และสามารถอยู่รอดได้ 90-100%”

นอกจากที่ CPRAM จะสร้างสมดุลให้ธรรมชาติ และทำให้การเติบโตของธุรกิจมีความยั่งยืนมากขึ้นในเชิงของการใช้วัตถุดิบ โครงการนี้ยังช่วยให้ชาวบ้านและชาวประมงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทางอ้อม เพราะปริมาณของปูม้านับล้านๆ ตัว สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ และยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานทางอาหารไปด้วย

ทิ้งท้ายจากทางทีมของ CPRAM ที่มีเปรยๆ ด้วยว่า ภายในปีนี้จะมีการเปิดตัวเมนูใหม่จากทางบริษัท ส่วนจะเป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบปูหรือไม่ คงต้องรอติดตามจนกว่าจะมีการเปิดตัวขึ้นเร็วๆ นี้