SHARE

คัดลอกแล้ว

‘จุลพันธ์’ แบะท่า แจกเงินหมื่น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ไม่ทันเดือนพฤษภาคม แต่ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าต่อ ย้ำวิกฤตินี้ไม่ใช่วิกฤติการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เป็นวิกฤติแห่งความเห็นอกเห็นใจประชาชน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่าน Digital Wallet (ดิจิทัลวอลเล็ต) ไม่ได้ประชุมเมื่อวานนี้ (16 ม.ค. 67) ว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มีจุดประสงค์จะรับฟังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเราได้รับเอกสารจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เพื่อรอเอกสารจาก ป.ป.ช.มาพิจารณาพร้อมกัน จากนั้นจะได้กำหนดแนวนโยบายต่อไป

ส่วนกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หยิบยกหนังสือที่ระบุว่าเป็นของป.ป.ช. มาแถลงนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราได้ดูในรายละเอียดแล้ว เขียนค่อนข้างชัดเจนและแรงพอสมควรในการคัดค้านการเดินหน้าโครงการฯ ซึ่งเราก็รับฟังและนำมาพิจารณาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ก็ยังเช่นเดิม คือยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเอกสารที่เห็นไม่ทราบว่าเป็นทางการหรือไม่อย่างไร หรือเป็นเอกสารที่เป็นจริงหรือไม่

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า จากที่ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาฯ โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีต ป.ป.ช. เป็นประธาน ได้ทำข้อเสนอแนะมา ซึ่งเราก็รับฟัง โดย น.ส.สุภา เป็นผู้ติดตามการทำนโยบายของรัฐบาลชุดนี้มาตลอด และทราบว่าก่อนที่จะเกษียณได้ส่งหนังสือฉบับนี้เข้าไปที่ คณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งเราก็ดูความชัดเจนว่า ป.ป.ช.จะพิจารณาตัวหนังสือนี้เมื่อใด และจะส่งมาให้รัฐบาลและคณะกรรมการนโยบายฯ เมื่อใด

ผู้สี่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายที่ได้เห็นเอกสารของคณะกรรมการกฤษฎีกาและ ป.ป.ช. ต่างแนะให้รัฐบาลทบทวนโครงการเงินดิจิทัลวอลล็อต เพราะเกรงจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ทั้งประชาชนและหน่วยงานต่างๆ โดยคณะกรรมการนโยบายฯ เปิดรับความคิดเห็นที่หลากหลายอย่างเต็มที่ ตนไม่เคยพูดว่า ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อยากให้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนว่า ขณะนี้เศรษฐกิจมันไม่ได้ดี เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากทุกฝ่ายเห็นตรงกันและสามารถเดินหน้าได้ ก็จะเป็นวัตถุประสงค์ที่เราคาดหวัง หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเราเห็นว่าหนังสือของคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นคำตอบเชิงกฎหมายไม่มีไฟเขียว ไฟแดงว่าควรทำหรือไม่ควรทำ ซึ่งเขาไม่ได้ห้ามหรือสั่งการให้เดินหน้า เพราะไม่ใช่หน้าที่เป็นเพียงความเห็นข้อกฎหมายที่คณะกรรมการนโยบายฯ มีหน้าที่รับฟัง และนำไปปฏิบัติ เพื่อให้เข้าสู่กรอบของกฎหมายให้ได้ในที่สุด แต่สำหรับหนังสือของ ป.ป.ช. นั้น ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการวางธงไว้ชัดที่จะไม่ให้โครงการนี้เดินหน้าไปได้

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามถึงแม้โครงการเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท จะได้รับการเห็นชอบจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และมีการแถลงนโยบายในสภาไปแล้ว แต่ก็มีบางกลุ่ม เช่น ป.ป.ช. หรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีข้อคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งอาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำ หรืออาจจะยังมองไม่เห็นวิกฤตเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลพยายามจะบอก

“วิกฤติขณะนี้ไม่ใช่วิกฤติการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ หรือวิกฤติด้านโครงสร้างเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นวิกฤติแห่งความเห็นอกเห็นใจต่อพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อน Democracy without empathy ทุนนิยมที่ไม่มีหัวใจ เข้าใจในผู้ที่เดือดร้อน แสดงให้เห็นมาตลอดว่าล้มเหลว วันนี้ผมต้องเรียนว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เราได้เดินทางพบปะประชาชนทั่วประเทศ ได้เห็นความเดือดร้อน โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ไม่ได้เป็นการทำงานในห้องแอร์ ตอนนี้พี่น้องทั่วประเทศต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รัฐบาลไม่ได้มองเศรษฐศาสตร์เป็นแค่หนังสือแบบเรียน แต่มองในมิติของความเป็นจริง มิติชีวิตพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนด้วย ผมต้องเรียนว่า วันนี้หากดูกรอบเวลาคงไม่ทันเดือนพฤษภาคมจริงๆ แต่ยืนยันว่าเราต้องเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลต่อไป” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะไม่สามารถยืนยันกรอบเวลาในเดือน พ.ค.ตามที่เคยแถลงมาได้ เพราะหากดูจากข้อคิดเห็นที่ออกมาเป็นหนังสือ ขั้นตอนต่อจากนี้เราคงต้องรอให้ ป.ป.ช.ส่งหนังสือมาอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นฉบับนี้หรือฉบับแก้ไข แล้วเราจะเชิญคณะกรรมการนโยบายฯ มาประชุมเพื่อนำเอาความเห็นของ 2 หน่วยงานมาพิจารณาในคราวเดียวกัน และเริ่มกระบวนการในการฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม ในการทำความเข้าใจกับหน่วยงานและองค์กรใดๆ ก็ตามที่ยังไม่เห็นเจตนาดีของรัฐบาล หรือยังมองไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน จะต้องสื่อสารจนทุกฝ่ายมีความเข้าใจที่ตรงกัน และเดินหน้านโยบายนี้ในที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากรัฐบาลดึงดันที่จะเดินหน้าต่อไปจนถึงที่สุด ไม่หวั่นใช่หรือไม่ที่จะเกิดประเด็นทางการเมืองตามมาทีหลัง รมช.คลัง กล่าวว่า นี่คือเหตุผลที่ทำไมต้องทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ว่า สิ่งที่เราต้องเดินหน้ามี่เหตุผลคืออะไร และความเดือดร้อนของประชาชนคืออะไร รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นอนุบาลทางการเมือง เพราะเราเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร สิ่งที่พยายามทำให้มันเป็นคืออะไร เรามีหน้าที่พยายามทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมายและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน และแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลยึดเป็นธงหลัก

เมื่อถามว่า การระบุว่าดำเนินการไม่ทันในเดือนพฤษภาคม จะมีการยกเลิก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ กลไกนี้สุดท้ายก็ต้องรอให้คณะกรรมการนโยบายฯ พูดคุยและตัดสินใจว่าจะใช้กลไกอะไร และเดินหน้าอย่างไร อาจจะเป็นในรูปแบบ พ.ร.บ. หรือช่องทางใด เวลานี้ตนยังไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่จากการพูดคุยในรายละเอียด และดูอุปสรรคที่เห็น เรามองว่ากลไกที่จะผลักดันให้อยู่ในช่วงเดือน พ.ค. ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยืนยันว่าจะพยายามให้มากที่สุด แต่ต้องยอมรับว่ากลไกหนึ่งที่เราไม่รู้ คือการตอบเอกสารของ ป.ป.ช.จะมาเมื่อไร และกลไกในการสร้างความเข้าใจต่อหน่วยงานต่างๆ ให้ตรงกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องใช้เวลาซึ่งตรงนี้ไม่มีกรอบเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากหน่วยงานอื่นยังมองไม่เห็นวิกฤติตามรัฐบาลอ้าง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ต้องทำความเข้าใจ แน่นอนว่าภาวะของเศรษฐกิจยังมีความไหลลื่นและไม่ได้อยู่ชุดเดียว และข้อมูลที่ได้อาจจะเป็นของช่วงปลายปีที่แล้ว หรือ Out date หรือเรียกว่าหมดความเป็นปัจจุบันไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจะต้องนำเอาสถานการณ์ปัจจุบัน สภาพเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนที่เป็นจริงมานำเสนอต่อสังคม และหน่วยงานเหล่านั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ยืนยันว่าถึงแม้เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเลื่อนออกไป แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เราพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบที่จำกัดที่มี ให้แก้ความเดือดร้อนของประชาชนได้มากที่สุด เรามีปัญหา 100 เรื่องที่ต้องแก้ไข หากเรื่องนี้จำเป็นต้องเป็นอีกเรื่องที่ต้องชะลอไป เพื่อให้สามารถทำอีก 99 เรื่องได้ เราก็ยินดี ส่วนมีแผนสำรองหากโครงการเดินหน้าไม่ได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่ได้ให้คำตอบว่าโครงการนี้ไปไม่ได้ กลไกของภาครัฐมีมากมาย เรามีศักยภาพ เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นยังมีหนทางอีกมาก

เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแนวทางอื่น เช่น ลดวงเงินในการแจกลงหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีการลดมาแล้วรอบหนึ่ง หลังจากฟังความเห็นจากหลายหน่วยงาน โดยเห็นว่าการแจกเงินให้บางกลุ่มไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่ต้องการ เราจึงรับฟังและปรับลดลงมาเหลือ 50 ล้านคน ส่วนตัวเลขที่ออกมาว่าอาจจะลดเหลือ 30 ล้านคนนั้นตนไม่เคยได้ยิน ได้ยินจากสื่อเท่านั้น ยืนยันว่ายังเท่าเดิมคือ 50 ล้านคน

เมื่อถามว่า สว. มองว่ารัฐบาลดันทุรังในการที่จะผลักดันโครงการนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ดันทุรัง แต่เป็นการมองเห็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ การเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ หากไม่ได้ลงพื้นที่สัมผัสกับประชาชนแล้วจะมองไม่เห็นจุดนี้ ก็ต้องพยายามชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเดินหน้าให้กลับมาแข็งแกร่งในระดับที่เป็นไปตามศักยภาพของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นจะใช้คำนี้ไม่ได้ แต่เป็นความตั้งใจที่จะรับใช้ประชาชนและนโยบายนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งและการแถลงนโยบายต่อสภา จึงเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลต้องพยายามที่สุดในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

เมื่อถามว่ามีการมองว่ารัฐบาลอาจจะใช้ ป.ป.ช. เป็นหลังพิงในการดำเนินโครงการเงินดิจิทัลฯ นายจุลพันธ์ ปฏิเสธว่า ไม่ใช่การใช้ ป.ป.ช. เป็นหลังพิง ยืนยันรัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น สว., ป.ป.ช. องค์กรภาคส่วนใดในสังคม รวมถึงฝ่ายค้าน และนำมาปรับให้เหมาะสม เมื่อมีข้อมูลเข้ามาเราก็นำมาประกอบการดำเนินโครงการนี้ ตนไม่อยากให้ฝ่ายค้านใช้ ป.ป.ช. เป็นเครื่องมือในการทำลายรัฐบาลเช่นกัน

เลื่อนถก ‘บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต’ ‘ภูมิธรรม’ เผย รอหนังสือความเห็น จาก ป.ป.ช.

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า