‘เศรษฐา’ ไม่เห็นด้วย แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี-รับไม่มีความสุข หลังค่าแรงปรับขึ้นน้อย

‘เศรษฐา’ ไม่เห็นด้วยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ระบุโลกเปลี่ยนเร็ว รับไม่มีความสุข หลังค่าแรงขั้นต่ำ 1 ม.ค. 67 ปรับขึ้นแค่ 2-16 บาท ตามมติเดิมของบอร์ดไตรภาคี 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 ในวันนี้ (27 ธ.ค. 66) ถึงกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีว่า ต้องพิจารณาตามบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดเวลา และเชื่อว่า ทุกคนก็เห็นอยู่ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก หลายๆ เรื่องที่จะดึงผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาในประเทศ ก็มี War of Talent มันคือ สงครามที่ดึงคนเก่ง ขณะเดียวกันสมัยก่อนเวลาออกไปดึงดูดนักลงทุน ไม่มีใครพูดเรื่องพลังงานสะอาดเลย แต่วันนี้เรื่องนี้กลับมามีความสำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถูกล็อกด้วยรัฐธรรมนูญจะทำอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า มันกว้าง มันมีขอบเขตพื้นที่ให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้

จากกรณีกระทรวงแรงงาน ได้นำมติคณะกรรมการค่าจ้าง หรือบอร์ดไตรภาคี เสนอเพื่อทราบผลที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 66

โดยยืนยันตามมติเดิม คือขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ระหว่าง 2-16 บาท ทั่วประเทศ มีลำดับค่าจ้าง 17 ขั้น​ ขึ้นจาก 328 บาทเป็น 330 บาท ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ จ.ภูเก็ต เป็น 370 บาท จาก 354 บาท เริ่มมีผล 1 ม.ค. 67

วันนี้ (27 ธ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ หลังเป็นประธานการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ โดยนายกฯ ระบุว่า ตนไม่มีความสุขแน่นอน ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) ก็ไม่ได้มีความสุขและอึดอัดเช่นกัน ยอมรับว่ามีกลไกในการกำหนดค่าแรงอยู่ แต่อย่างที่บอกมันเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกความเหมาะสมของแต่ละประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้เจอกับ นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้บอกว่า ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ความเจริญเติบโตของประเทศก็จะต่ำไปด้วย

นายเศรษฐา ยังระบุด้วยว่า ค่าแรงขั้นต่ำเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา 300 บาท วันนี้ 337 บาท ขึ้นไป 12% ในทางกลับกัน หากลูกของผู้ประกอบกิจการ หรือคนที่เรียนจบเมืองนอกเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เงินเดือน 30,000 บาท มาถึงวันนี้เงินเดือนขึ้นเพียง 33,700 บาท จึงถามกลับว่า ขึ้นมาแค่กว่า 10% แฮปปี้ไหม อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา เรื่องของไตรภาคีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของกฎหมายและข้อบังคับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายหลายเรื่องคนไทยอยู่ด้วยกัน ด้วยความอยากให้ทุกคนมีความสุข และมีกินมีใช้ตามความเหมาะสม

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า อย่างในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นไปเพียงแค่ 2 บาทต่อเดือนเอง ซึ่งทุกคนจะพูดว่านายกฯ ไม่มีอำนาจ แต่การขึ้นค่าแรงมันเป็นเรื่องของไตรภาคี หรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนตัวเข้าใจหมดทุกอย่าง แล้วก็รู้ว่าทุกคนเข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมันไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย จึงอยากให้เอาความเข้าใจซึ่งกันและกันมาพูดคุยกันได้ไหม ในภาวะที่เดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก็จะต้องพยายามต่อไปในการแก้ไขปัญหา ก็ต้องพูดจาให้มันมีความชัดเจนและต้องขอร้องอ้อนวอน วิงวอน ถึงเหตุผล แล้วอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด เช่น ประเด็นการย้ายฐานการผลิต เพราะมันไม่ใช่

ผู้สื่อข่าวถามว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละปีสามารถขึ้นได้หลายหลายรอบใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า สามารถปรับได้หลายรอบตามความเหมาะสม จากที่ผ่านมาเราเคยพูดหลายจังหวัดรายอำเภอ ซึ่งบางอำเภอนั้น ก็อาจจะมีความต้องการแรงงานที่แตกต่างกันออกไป เราเองก็ต้องฟังจากฝั่งนายจ้างเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จะไม่ฟัง และต้องฟังตามอาชีพตามความต้องการตามความชำนาญด้วย ซึ่งมีหลายมิติที่จะต้องพูดคุยกัน

“ผมไม่ได้อยากใช้พื้นที่ของสื่อมวลชนมากดดันทุกๆ ฝ่าย แต่ผมคิดว่าเราควรที่จะพูดจากันด้วยจิตใจอุปมาปราศรัย เราก็เห็นใจซึ่งกันและกันในแง่เพื่อนมนุษย์มากกว่า” นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ส่วนตัวความคาดหวังกับเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้น ตนมาทำงาน มาอยู่ตรงนี้ เพื่อต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ให้ดีขึ้น ก็ต้องทำให้ดีขึ้นในหลายหลายมิติ ไม่ได้มาทำแค่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำอย่างเดียว ยังต้องดูเรื่องการลงทุน การเจรจา สนธิสัญญาการค้า และต้องดูเรื่องสิทธิพื้นฐาน เพศสภาพ การประกอบอาชีพ หรือแม้กระทั่งสิทธิเสรีภาพเล็กๆ เช่นเรื่องของสภาพอากาศที่สะอาด ซึ่งทุกคนล้วนต้องการ หลังจากปีใหม่ มีกำหนดการที่จะเดินทางไปพื้นที่ภาคเหนือ ไปช่วยกำกับเรื่องสภาพอากาศก็จะต้องดีขึ้น ซึ่งมีหลายมิติที่ต้องทำ ซึ่งหลังปีใหม่ ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่จะต้องช่วยทำงานและช่วยดูแลพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น