SHARE

คัดลอกแล้ว

ตำแหน่ง ‘ทะไลลามะ’ ต้องสืบทอดผ่านการกลับชาติมาเกิดเท่านั้น  องค์ทะไลลามะส่งสารชัดถึงจีน “ไม่มีใครมีสิทธิ์แทรกแซงจิตวิญญาณทิเบต”

การสืบทอดตำแหน่ง ‘องค์ทะไลลามะ’ ผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณของพุทธศาสนานิกายทิเบต ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในช่วงหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์ทะไลลามะองค์ปัจจุบันเข้าสู่วัยชรา ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลจีนที่จะเข้ามาควบคุมกระบวนการสำคัญนี้

วันนี้ (2 ก.ค.) องค์ทะไลลามะองค์ที่ 14 ได้มีพระดำรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนถึงวันคล้ายวันเกิดครบ 90 ปีของพระองค์ โดยทรงย้ำชัดว่า การสืบทอดตำแหน่งจะต้องเป็นไปตามขนบธรรมเนียมโบราณ และจะเริ่มต้นได้หลังพระองค์สิ้นพระชนม์เท่านั้น

พระองค์ยังย้ำด้วยว่า Gaden Phodrang Trust ซึ่งองค์กรไม่แสวงกำไรที่พระองค์ตั้งขึ้นมา จะเป็นองค์กรเดียวที่มีอำนาจในการค้นหาและรับรองการกลับชาติมาเกิดขององค์ทะไลลามะองค์ใหม่ โดยกระบวนการจะต้องเป็นไปตามพิธีกรรมดั้งเดิม เช่น การตรวจสัญญาณ การทดสอบ และการปรึกษากับผู้นำศาสนา รวมถึง ผู้พิทักษ์ธรรม (Dharma Protectors)

ถ้อยแถลงนี้ไม่ใช่แค่การประกาศในเชิงศาสนา แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณต่อต้านความพยายามของรัฐบาลจีน ที่ต้องการเข้าควบคุมกระบวนการสืบทอดผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งต่ออัตลักษณ์ วัฒนธรรม และความหวังของประชาชนทิเบตทั่วโลก

 

จากผู้นำรัฐ สู่ศูนย์รวมจิตวิญญาณของผู้ลี้ภัย

‘องค์ทะไลลามะ’ เป็นที่เคารพบูชาของชาวพุทธนิกายทิเบตในฐานะองค์อวตารของ พระอวโลกิเตศวร (Avalokiteshvara) หรือ ‘เชนเรซิก’ เทพโพธิสัตว์แห่งความเมตตา ผู้ปกป้องทิเบต สถาบันนี้มีรากฐานตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 และมีการสืบทอดตำแหน่งทะไลลามะแล้ว 14 องค์

นับตั้งแต่อดีต สถาบันทะไลลามะมีบทบาทสำคัญทั้งทางศาสนาและการเมืองมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1642 องค์ทะไลลามะได้ทำหน้าที่ทั้งเป็นประมุขทางการเมืองและผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต

แต่สถานะนี้เปลี่ยนไปในยุคของทะไลลามะองค์ที่ 14 ซึ่งเป็นองค์ปัจจุบัน เมื่อพระองค์เลือกสละอำนาจทางการเมืองในปี 2011 และโอนบทบาทดังกล่าวให้แก่รัฐบาลทิเบตพลัดถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย

แม้จะวางมือจากบทบาททางการเมืองโดยตรง แต่อิทธิพลทางจิตวิญญาณขององค์ทะไลลามะยังคงลึกซึ้งอย่างมากต่อชาวทิเบต โดยเฉพาะในฐานะ ศูนย์รวมจิตวิญญาณและความหวังของผู้ลี้ภัย ที่ต้องพลัดพรากจากแผ่นดินเกิด 

นอกจากนี้องค์ทะไลลามะ องค์ปัจจุบันยังเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ในฐานะสัญลักษณ์ของสันติภาพและการต่อสู้ด้วยสันติวิธี โดยพระองค์ได้รับ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1989 จากการต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวทิเบตด้วยแนวทางอหิงสา

ตามความเชื่อของชาวพุทธทิเบต การสืบทอดตำแหน่งของทะไลลามะมีความพิเศษอย่างยิ่ง เมื่อทะไลลามะองค์หนึ่งสิ้นพระชนม์ วิญญาณของท่านจะกลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งจะมีการดำเนินกระบวนการค้นหาผู้สืบทอดอย่างละเอียดอ่อนตามพิธีกรรมโบราณ 

กระบวนการนี้ต้องอาศัยการทดสอบ ตรวจสอบสัญญาณ และการปรึกษากับลามะอาวุโสและ “ผู้พิทักษ์ธรรม (Dharma Protectors)” ซึ่งมีพันธะสัตยาบันต่อสายสืบทอดของทะไลลามะ ทั้งหมดนี้จะดำเนินการโดย Gaden Phodrang Trust ซึ่งองค์ทะไลลามะย้ำว่า “ไม่มีใครอื่นมีสิทธิ์แทรกแซงกระบวนการนี้”

 

เส้นทางชีวิตขององค์ทะไลลามะองค์ที่ 14

องค์ทะไลลามะองค์ที่ 14 ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1935 โดยมีนามเดิมว่า ลฮาโม ดอนดุป (Lhamo Dhondup) ในครอบครัวชาวนาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทิเบต

เมื่ออายุเพียง 2 ขวบ ท่านได้รับการระบุว่าเป็นภาคกลับชาติมาเกิดของทะไลลามะองค์ก่อนหน้า คือ ทุบเต็น กยาโซ (Thubten Gyatso) และในปี 1940 ท่านได้เข้าสู่พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) และได้รับการประกาศให้เป็นทะไลลามะองค์ใหม่ในพระนาม “เต็นซิน กยาโซ” (Tenzin Gyatso)

พระองค์ทรงศึกษาอย่างเข้มข้นด้านปรัชญาพุทธศาสนาและจารีตสงฆ์ทิเบต ก่อนจะเผชิญเหตุการณ์สำคัญในปี 1959 เมื่อกองทัพจีนเข้าสู่ทิเบต ทำให้พระองค์ต้องลี้ภัยไปอินเดียพร้อมผู้ติดตาม และประทับอยู่ในธรรมศาลาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก และเป็นที่เคารพของศาสนิกชนจากหลากหลายศาสนา แม้พระองค์จะกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “ข้าพเจ้าเป็นเพียงพระสงฆ์ธรรมดารูปหนึ่ง”

 

จีนกับความพยายามแทรกแซงการสืบทอดบัลลังก์ธรรม

องค์ทะไลลามะไม่เพียงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์และการต่อสู้เพื่อเสรีภาพมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ทรงมีบทบาททางการเมือง

หลังปี 1950 ที่จีนประกาศให้ทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ รัฐบาลจีนมองว่าสถาบันทะไลลามะเป็นศูนย์รวมอิทธิพลที่อาจกระทบต่อความมั่นคง จึงพยายามควบคุมการสืบทอดโดยอ้างกฎหมายศาสนา และคำสั่งรัฐบาลหมายเลข 5 ปี 2007 ซึ่งกำหนดว่า การกลับชาติมาเกิดของผู้นำศาสนาต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลกลาง

จีนยังแต่งตั้ง ‘ปันเชนลามะ’ (Panchen Lama) ขึ้นในแบบของตน โดยอ้างว่าจะมีบทบาทในการค้นหาทะไลลามะองค์ถัดไป อย่างไรก็ตาม นักวิชาการและชาวทิเบตพลัดถิ่นมองว่าเป็นการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าจะยึดตามจารีตศรัทธา

เสียงเรียกร้องจากชาวทิเบต สู่การปกป้องสถาบันทะไลลามะ

ความพยายามควบคุมสถาบันทะไลลามะของจีนถูกมองว่าเป็นการ แทรกแซงทางจิตวิญญาณ ที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมประชากรทิเบต และลบล้างอัตลักษณ์ของดินแดนที่เคยมีเอกราชและวัฒนธรรมเฉพาะตนอย่างชัดเจน

ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา องค์ทะไลลามะได้รับจดหมายและข้อความจากผู้นำศาสนา สมาชิกสภาทิเบตพลัดถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน และชาวพุทธทั่วโลก รวมถึงชาวทิเบตในประเทศ ที่เรียกร้องให้สถาบันทะไลลามะดำรงอยู่ต่อไป

เสียงสะท้อนเหล่านี้นำไปสู่พระดำรัสสำคัญก่อนวันเกิดครบ 90 ปี ว่า “สถาบันทะไลลามะจะยังดำรงอยู่” และจะไม่ยอมให้บุคคลหรือรัฐบาลใดแทรกแซงกระบวนการศักดิ์สิทธิ์นี้

‘จีน’ โต้ทันควัน ย้ำผู้สืบทอดทะไลลามะต้องมาจากการจับสลากเท่านั้น

ภายหลังถ้อยแถลงขององค์ทะไลลามะได้รับการเผยแพร่ออกมาในวันนี้ (2 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาตอบโต้ทันที โดยระบุว่า

“การระบุทะไลลามะองค์ถัดไปต้องใช้ระบบจับสลากชื่อขึ้นมาจากภาชนะทองคำ (lot-drawing system) ตามธรรมเนียมตั้งแต่ปี 1792 ซึ่งเคยใช้เลือกทะไลลามะ 3 องค์ก่อนหน้า”

จีนอ้างว่าพิธีนี้เป็น “รูปแบบเฉพาะของศาสนาพุทธทิเบต” และสะท้อน “เสรีภาพทางศาสนา” ภายใต้กฎหมายของจีน พร้อมย้ำว่าการสืบทอดทุกกรณีต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลกลาง

อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จำนวนมากมองว่าจีนใช้พิธีดังกล่าวเพื่อควบคุมทิศทางศาสนาในทิเบต และกำหนดผู้นำจิตวิญญาณตามเป้าหมายทางการเมืองของรัฐ แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหานี้โดยอ้างว่า ทุกอย่างเป็นไปตามประวัติศาสตร์และกฎหมาย

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า