จากกรณีการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งในภาคเหนือและส่งผลแรงสั่นสะเทือนถึง จ.เชียงใหม่ โดยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 21 พ.ย. เกิดขึ้นแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ความลึก 5 กิโลเมตร ที่ประเทศลาว รับรู้แรงสั่นไหวอย่างชัดเจนที่จังหวัดเชียงใหม่ แม้จะไม่เกิดความเสียหายแต่ก็สร้างความกังวลใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะที่อยู่ท้ายเขื่อนใหญ่ ทั้งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด
วันที่ 27 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายจัดการความปลอดภัยเขื่อน สำนักชลประทานที่ 1 ระบุว่า เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล, เขื่อนแม่ทะลบหลวง และเขื่อนแม่โป่ง มีเครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือนที่ทันสมัย สามารถตรวจจับแรงสั่นสะเทือนและผลกระทบต่อตัวเขื่อนไปยังศูนย์วิเคราะห์ที่สำนักงานชลประทานที่ 1 ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งแผ่นดินไหวที่ผ่านมา โดยเฉพาะครั้งล่าสุด21 พ.ย. ที่ผ่านมา มีผลกระทบกับตัวเขื่อนเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ เพราะในการออกแบบและสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีการคำนวนทางวิศวกรรมเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา บอกว่า ปัจจุบันเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ยังไม่มีอุปกรณ์ตรวจวัด ในปีงบประมาณ 2563 สำนักชลประทานที่ 1 จึงได้ของบประมาณราว 20 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวและเครื่องวัดแรงดันน้ำ เนื่องจากเขื่อนแม่กวงฯ อยู่บนแนวรอยเลื่อนแม่ทา ซึ่งยังเป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง สามารถเกิดแผ่นดินไหวได้ จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมและความมั่นคงของเขื่อน เพื่อติดตามอย่างใกล้ชิด สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับประชาชน