“พุทธิพงษ์” ยัน ส.ส.โพสต์พาดพิงกันต้องแจ้งความ กระทรวงดีอีไม่เกี่ยว

วันที่ 7 ส.ค. ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระกระทู้ถาม น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ตั้งกระทู้เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของข่าวปลอมซึ่งสร้างความแตกแยกในสังคม โดยมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นผู้ตอบ

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า จากเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ และ 3 จังหวัดชายแดนใต้กลับมามีเหตุรุนแรงบ่อยครั้ง มีผู้ฉวยโอกาสหยิบยกมาเป็นประเด็นการเมืองโจมตีฝ่ายตรงข้าม และใส่ร้ายประชาชนว่าเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้น จึงถามว่ารัฐบาลที่ประกาศนโยบายเร่งด่วนจัดการกับข่าวปลอม ได้มีมาตรการใดไปบ้างแล้วจะปฏิบัติต่อไป

ด้านนายพุทธิพงษ์ ตอบว่า หลังเหตุการณ์ต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบก่อน เช่น ข่าวเรื่องการประกาศพื้นที่พิเศษหลังเหตุระเบิดจนเกิดความตื่นตระหนก หลังโฆษก กอ.รมน.แถลง ทางกระทรวงก็ได้แถลงต่อทันที ที่เราต้องรอเพราะกฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนว่าเป็นข่าวปลอม จึงสามารถเอาผิดผู้ที่เผยแพร่ส่งต่อได้ โดยเราดำเนินการกับผู้ปล่อยข่าวแล้ว 4 รายเราเอาจริงเอาจัง ทำอย่างเต็มกำลัง

ส่วนที่จะทำต่อคือ กระทรวงกำลังศึกษาศูนย์ป้องกันข่าวปลอม ตนตั้งใจจะทำเรื่องนี้ให้ได้ แต่คงไม่สามารถทำได้ลำพัง ต้องอาสัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย

น.ส.พรรณิการ์ ถามต่อเรื่อง หนึ่งในผู้เผยแพร่ข่าวที่ไม่เป็นจริง เป็น ส.ส.พรรคเดียวกับท่าน ผู้เสียหาย 2 คนได้ดำเนินคดีแล้ว เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ก็ได้ดำเนินการแล้ว ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ และพรรคพลังประชารัฐจะจัดการอย่างไร

นายพุทธิพงษ์ ตอบว่า การดำเนินการแจ้งความหมิ่นประมาทถูกต้องแล้ว เพราะ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต้องเป็นเรื่องกระทบกับสังคมโดยรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล

“สิ่งที่ท่านได้ดำเนินการเมื่อเช้า ทั้งท่านเองและผู้ที่ถูกกล่าวหาได้ไปดำเนินการทางคดีทั้ง 2 ฝ่าย ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นั่นคือถูกต้องและดีที่สุดแล้วครับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เขียนไว้ชัดเจนถ้าเป็นแบบนี้เป็นเรื่องของตัวบุคคลต่อตัวบุคคล แต่ถ้าเป็นภาพรวมแล้วกระทบในวงกว้าง กระทบคนโดยรวมตื่นตระหนก อย่างนั้นเราจะตรวจสอบ แต่สุดท้ายถึงเข้าหลักเกณฑ์เราก็ต้องรวบรวมให้ศาลท่านถึงจะออกหมาย หรือหมายดำเนินการต่อไป เราใช้อำนาจศาลไม่ได้มีการใช้อำนาจตัวเองในการไปรังแกหรือปกป้องไม่ว่าจะเป็นพรรคเดียวกับผมหรือพรรคไหนก็ตาม ”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงคำถามสุดท้าย เมื่อผู้ตั้งกระทู้ ถามเรื่อง จะทำอย่างไรให้การปราบปรามเฟกนิวส์เป็นกลางไม่ละเมิดสิทธิประชาชน และกรณีที่เกิดกับพรรคอนาคตใหม่เป็นเฟกนิวส์หรือไม่จะจัดการอย่างไร

นายพุฒิพงษ์ ตอบเรื่องเฟกนิวส์ไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องการเมือง แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ ด้วยจึงต้องมีสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามาร่วม โดยเมื่อจะตอบเรื่องที่เกี่ยวกับอนาคตใหม่ เวลาชี้แจงหมด และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาไม่อนุญาตให้พูดต่อ