ธปท.- ส.ธนาคาร เผย 1 – 17 ต.ค. พบตัดเงินผิดปกติผ่านบัตร 1.07 หมื่นใบ มูลค่าความเสียหายกว่า 130 ล้านบาท พบ 90% เป็นธุรกรรมบัตรเดบิต
วันที่ 19 ต.ค. 2564 น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคม ธนาคารไทย แถลงข่าวร่วมกัน กรณีมีผู้เสียหายถูกดูดเงินจากบัญชีหรือบัตรเดบิตจำนวนหลายครั้ง โดยไม่ทราบสาเหตุ
ในเบื้องต้น ผลการตรวจสอบที่ออกมาพบว่า 80 – 90% มาจากการดูดเงินผ่านบัตรเดบิต โดยพฤติการณ์ของคนร้ายคือการสุ่มหน้าบัตรและวันหมดอายุ เพื่อโจรกรรมเงินและส่วนใหญ่จะเป็นการทำร้านค้าในต่างประเทศ
โดยบัตรที่ถูกโจรกรรม ตั้งแต่ 1 – 17 ต.ค. ทั้งหมดที่เจอ 10,700 บัตร มูลค่าความเสียหายกว่า 130 ล้านบาท และ 80 – 90% เป็นบัตรเกิดจากเดบิต โดยใช้บอทเข้ามาสุ่มใช้ตัวบิลนำเบอร์หรือรหัสธนาคารบนหมายเลขบัตร 6 หลักจาก 12 หลัก ยิงสุ่มบนบิลนัมเบอร์ หมายเลขบัตรบวกวันหมดอายุ
นอกจากนี้ ธปท.และสมาคมธนาคารไทยได้ร่วมกันกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา ดังนี้
1.ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันที และแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
2.เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล์ หรือ SMS
3.กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
4.ธปท.และสมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์
กรณีลูกค้าพบความผิดปกติของธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด