Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อการได้เป็นศิลปิน เป็นเพียงจุดเริ่มต้น workpointTODAY PLAY พูดคุยกับ 8 ยอดเพชรเม็ดงาม ที่เจียระไนจากไมค์ทองคำ แวววาวอีกครั้งบนเวทีเพชรตัดเพชร

การแข่งขันบนเวทีเพชรตัดเพชร ซีซั่น 2  ได้ปิดฉากลงด้วยผู้ชนะเป็นแชมป์รายการคนที่ 2 อย่าง เต้ย จักร์รินท์ หากใครที่ติดตามและเป็นแฟนรายการไมค์ทองคำ จะเห็นถึงความพิเศษของรายการเพชรตัดเพชรว่า นี่เป็นการประกวดร้องเพลงที่สุดจะเข้มข้นจริงจัง เพราะเป็นการแข่งขันของเหล่าศิลปินที่เคยฝ่าฝันการประกวดบนเวทีไมค์ทองคำมาแล้ว จนได้เป็นศิลปินในสังกัดยุ้งข้าวเรคคอร์ดอย่างเต็มตัว แต่การแข่งขันครั้งนี้ ศิลปินที่นับว่าเป็นเพชรที่ถูกเจียระไนแล้ว จะต้องมาแข่งขันกันเอง เพื่อค้นหาที่สุดของเพชร

แม้จะเป็นรายการแข่งขันประกวดร้องเพลงที่พวกเขาคุ้นเคย แต่นี่นับว่าเป็นเวทีหินของผู้เข้าประกวดทุกคน เพราะกว่าที่จะมาเป็นศิลปิน ทุกคนล้วนต้องผ่านเวทีการประกวดอย่างไมค์ทองคำ ที่ถือว่าเป็นเวทีการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งยอดนิยม ที่มีผู้สมัครจากทั่วประเทศและแข่งขันกันอย่างดุเดือดในแต่ละซีซั่น แต่ความฝันและ Passion ของเส้นทางศิลปินไม่ได้จบลงเพียงแค่ผลการประกวด หรือแค่การได้เป็นศิลปิน พวกเขาตัดสินใจลงแข่งขันอีกครั้งด้วยการเอาความสามารถเป็นเดิมพัน ทั้งการต้องฝึกฝน พัฒนาตัวเองให้มากขึ้น และที่สำคัญคือการต้องมาแข่งขันกันเองของศิลปินในค่าย

workpointTODAY PLAY พูดคุยกับ 8 ศิลปินไมค์ทองคำในรายการเพชรตัดเพชร ที่เป็นเพชร 8 เม็ด 8 สีสุดท้าย จากผู้เข้าแข่งขัน 35 คน ของการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น ทั้งเรื่องราวชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ความฝันและเป้าหมายบนเส้นทางศิลปินของพวกเขา

เต้ย จักร์รินท์ แชมป์เพชรสีขาว 

หนุ่มขอนแก่น เสียงเนียบและนุ่ม อายุ 28 ปี ที่มีกลยุทธ์ในการเลือกเพลงมาแข่งขันในทุก ๆ รอบ เส้นทางความฝันการเป็นนักร้องของเต้ย เริ่มต้นจากเวทีชิงช้าสวรรค์จนแจ้งเกิดการเป็นศิลปินที่เวทีไมค์ทองคำ ซีซั่นที่ 3 นอกจากนี้เต้ยยังมีพรสวรรค์ความสามารถในหลาย ๆ ด้าน เช่น พิธีกร การแสดง และการแต่งเพลง

“การฝึกซ้อมของเต้ย ไม่ใช่แค่การร้องออกไป ไม่ใช่แค่ร้องแล้วรู้สึกว่าเราได้ซ้อม มันไม่ใช่ การซ้อมของเต้ย เราซ้อมเหมือนบันทึกเพลงเพลงหนึ่งเลยครับ แล้วนำมาเปิดฟังหาจุดที่พัฒนาและแก้ไข”

การแข่งขันในรายการเพชรตัดเพชร ตั้งแต่ซีซั่นแรกเต้ย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผุ้เข้าแข่งขัน ที่ประมาทความสามารถไม่ได้เลย เขาเต็มที่ใส่เต็มกับทุกผลงานเพลง การันตีด้วยการเก็บคะแนนเต็ม 300 มาในหลาย ๆ รอบการแข่งขัน จนได้ขึ้นไปยืนในจุดของแชมป์เพชรสีน้ำเงิน ในซีซั่นที่ 1 และได้รองชนะเลิศในรายการกลับมาในซีซั่นที่ 2 เต้ยสนุกกับทุกความท้าทายมากขึ้น นำคำติชมจากคณะกรรมการมาพัฒนาต่อยอด และการันตีศักยภาพของเขาอีกครั้ง ด้วยตำแหน่ง แชมป์เพชรสีขาว ในซีซั่นที่ 2 และคว้าแชมป์ในซีซั่น 2 นี้มาครองในที่สุด

“สำหรับเต้ย เวทีนี้ทำให้เต้ยไปพัฒนาเพิ่มขึ้นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก การแสดง การสื่อสารอารมณ์เพลง และที่สำคัญก็คือ พัฒนาด้านการร้องเพลง การใส่ความเป็นเราเข้าไปในเพลง เราทุ่มเทกับรายการนี้มาก ตอนซีซั่น 1 เราตั้งเหมายเอาไว้ เรายังไม่เคยได้เป็นแชมป์รายการใหญ่ๆ แต่พอมาซีซั่น 2 เราอยากทำทุก ๆเพลงให้ออกมาดีเท่านั้นเอง ไม่ได้คาดไว้ว่าจะต้องเป็นแชมป์เท่านั้น

ในฐานะของแชมป์ประจำซีซั่น เราถามถึงมุมมอง เป้าหมายบนเส้นทางการเป็นศิลปินลูกทุ่งอีสานของเต้ย

“อยากเป็นคนคนหนึ่ง เป็นศิลปินยุคใหม่ เป็นศิลปินหน้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลง เพราะหลายๆคนเขาเริ่มต้นทีหลังเราด้วยซ้ำ แต่เขาไปก่อนเรา เรารู้สึกว่า อยากได้รับโอกาสแบบนั้นบ้าง เพราะเราก็ยืนอยู่ในจุดสถานะนักร้องมานาน แต่ยังไม่ได้รับโอกาสจากหลายๆคน ที่เขาอาจจะยังไม่ได้ตอบรับกับบทเพลงของเรา ยังไม่ได้ชื่นชอบ แต่ ณ วันนี้ เราตั้งเป้าไว้ว่า อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางศิลปิน มีคนรู้จักทั่วประเทศ และได้รับโอกาสในหลายๆด้าน ให้คนได้เห็นความสามรถของเรา”

 

ปะแป้ง พลอยชมพู แชมป์เพชรสีแดง

สาวน้อยวัย 20 ปี จากจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีมีพรสวรรค์เรื่องแก้วเสียง ใส คม ลูกเอื้อนละเอียด  เธอก้าวเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งอย่างเต็มตัวในฐานะศิลปิน จากการเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย ของรายการไมค์ทองคำ ซีซั่นที่ 6 ในการแข่งขันในรายการเพชรตัดเพชร ตั้งแต่ซีซั่นแรก ชื่อของ ปะแป้ง  เป็นที่จับตามองว่าเธอคือ ตัวเต็ง ส่วนการกลับมาในซีซั่น 2 นี้ ปะแป้งกลับมาพร้อมใจที่อยากมาปลดล็อกอะไรหลาย ๆ ของตัวเอง ซึ่งเธอให้นิยามความต่างของสองเวทีที่เคยผ่านมาว่า เวทีไมค์ทองคำคือการสู้เพื่อที่จะทำตามฝันของตัวเองให้สำเร็จ เพื่อที่จะได้เป็นศิลปิน แต่พอมาเป็นเพชรตัวเพชร มันคือศิลปิน ที่มาแข่งกับศิลปิน ซึ่งความกดดันและความเครียดย่อมมีมากกว่า

“การแข่งขันร้องเพลง ที่เหมือนจะดูสนุกๆ แต่จริงๆมันดูเครียดมาก เราเหมือนคนที่กำลังผูกเชือกรองเท้าอยู่ ในขณะที่คนอื่นเขาออกตัววิ่งไปแล้ว”

ปะแป้ง เริ่มทำตามความฝันตัวเองตั้งแต่อายุ ด้วยการเข้าประกวดไมค์ทองคำ 3 แม้จะสร้างความผิดหวังด้วยการไม่ได้เข้ารอบลึก แต่เธอกลับมาสู้ต่อใน ไมค์ทองคำ 6 จนเข้ามาเป็นศิลปิน 4 คนสุดท้ายได้สำเร็จ ก่อนเดินหน้าประกวดเพชรตัดเพชรในซีซั่น 1 และทำให้เธอผิดหวังตกรอบอีกครั้ง และกลับมาอีกครั้งในซีซั่น 2 จนสามารถเอาชนะในกลุ่มเป็นยอดเพชรสีแดงเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ นี่เป็นบทพิสูจน์ถึงการต่อสู้ความพยายาม และการพัฒนาตัวเอง ที่ทำให้เธอเติบโตขึ้นอีกขั้น

“น่าจะเป็นเรื่องความคิด ที่เราคิดว่าเติบโตขึ้นมาก เกี่ยวกับทุกอย่างที่เราเริ่มไตร่ตรองมากขึ้น ว่าอะไรคือปัญหา และทุกอย่างมันแก้ไขได้ เราเก็บทุก ๆคำพูด คำติชม จากคณะกรรมการ มาพัฒนาตัวเองและผลงาน รวมถึงปลดล็อกสู้กับตัวเองหาแนวทางเพลงใหม่ๆให้ตัวเองมากขึ้น และพยายามไม่เครียดมาก เพราะคิดว่าการปล่อยตัวเองจอยไปกับมัน ทำให้เรามีความสุขกับมันมากกว่า ”

สุดท้ายแล้วเวทีเพชรตัดเพชรทำให้สาวน้อยคนนี้ได้เรียนรู้ว่า การได้เป็นศิลปินในวันนั้น มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่สิ้นสุดเส้นทาง

 

แบม วิภาวี แชมป์เพชรสีน้ำเงิน

สาวระยองใบหน้าคมคาย เสียงหวานใส อายุ 20 ปี ที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง บวกกับความขยันฝึกซ้อมอย่างหนัก จนทำให้ความฝันที่จะเป็นศิลปินของเธอเป็นจริงในวัย 15 ปี จากการได้รับตำแหน่งรองแชมป์ไมค์ทองคำ ซีซั่นที่ 5 การไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพการร้องเพลงคือจุดแข็งของแบม ทำให้เธอสามารถร้องเพลง ได้หลากหลายแนว ทั้ง ลูกทุ่ง ลูกกรุง ไทยเดิม สากล และ R&B ได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่ากำลังใจจากครอบครัวคือยาชูกำลัง ที่ทำให้เธอข้ามผ่านได้ทุกอย่าง

“เวทีนี้คือเวทีที่นำศิลปินไมค์ทองคำ ให้กลับมาฉายแววอีกครั้ง แบมคิดว่าศิลปินไมค์ทองคำทุกคนมีความสามารถมาก ๆ และรายการนี้ทำให้ได้โชว์ศักยภาพจริง ๆ ของศิลปิน และเป็นรายการที่ทำให้ชื่อของ แบม วิภาวี กลับมา หลังจากที่หลายคนลืมไปแล้ว ว่าเราเป็นใคร”

แบม ในรายการเพชรตัดเพชร ซีซั่นที่ 1 เปรียบเหมือนเป็นม้านอกสายตา แต่ด้วยความที่มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ รอบการแข่งขัน ทำให้เธอได้เข้าไปยืนอยู่ในรอบชิงแชมป์เพชรสีแต่ก็ยังเป็นแชมป์เพชรสีไม่สำเร็จ และในซีซั่นที่ 2 เธอกลับมาพร้อมความตั้งใจอีกครั้ง และมีความสุขกับทุก ๆ ผลงาน ที่ได้ถ่ายทอดออกไปในทุก ๆ รอบการแข่งขัน จากคำว่า ม้านอกสายตา ในวันนั้น แบมใช้สิ่งนี้เป็นแรงผลักดัน จนได้เป็นแชมป์เพชรสีน้ำเงิน เม็ดงาม

“การกลับมาครั้งนี้ที่แบมอยากจะลองแก้มือตัวเองด้วยการเป็นแชมป์เพชรสี พอเป็นเราจริง ๆ ก็ดีใจมาก ที่เราทำได้แล้ว เวทีนี้เป็นอะไรที่แปลกและท้าทายมาก สิ่งที่คิดว่าทำให้ตัวเองคว้าแชมป์เพชรสี น่าจะเป็นความพยายาม ครั้งที่แล้วเราเห็นข้อบกพร่องที่ทำให้เราไม่ได้ไปต่อมันคืออะไร และกลับมาแก้มือ ด้วยความตั้งใจและความพยายามที่เพิ่มมากขึ้น ความพยายามสำหรับแบมนั้นมันสำคัญมากเลย ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นมันเป็นจริงเสมอ”

 

ฟอร์ม ชลพิพรรธน์ แชมป์เพชรสีเขียว

หนุ่มเสียงดี ในวัย 20 ปี ลุคอปป้า ฟอร์มเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีใจรักเพลงลูกทุ่ง หลงใหลการร้องเพลงลูกทุ่งของครูบาอาจารย์ ศิลปินรุ่นครู อย่าง ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ไพรวัล ลูกเพชร หรือ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เป็นต้น ฟอร์มเป็นนักร้องสายประกวดตั้งแต่ยังเด็ก เพราะมีเป้าหมายเพื่อหาเงินมาช่วยจุนเจือ และปลดหนี้สินก้อนใหญ่ให้ครอบครัวได้สำเร็จ เป็นศิลปินอย่างเต็มตัวจากการได้ตำแหน่งแชมป์ไมค์ทองคำ  8 พร้อมกับกลุ่มแฟนคลับที่คอยซัพพอร์ตมาตลอด

หลังจากได้ตำแหน่งแชมป์จากเวทีไมค์ทองคำแล้ว ฟอร์มต้องเดินหน้าแข่งขันกับรุ่นพี่ไมค์ทองคำทั้ง 7 ซีซั่น ต่อเนื่องในรายการเพชรตัดเพชร ซีซั่น1 ซึ่งทำผลงานออกมาได้ดีในฐานะน้องใหม่ที่ใจสู้ เพชรตัดเพชรซีซั่น 2 เขากลับมาพร้อมกับการที่อยากจะท้าทายศักยภาพของตัวเอง ทำให้ตั้งใจฝึกซ้อม เพื่อผลักดันศักยภาพของตัวเองออกมาด้วยความสุข สนุกกับการได้ลงมือทำ และส่งต่อไปยังแฟนๆ ทำให้แชมป์เพชรสีเขียว ตกเป็นของเขา

“ในรายการเพชรตัดเพชร จริง ๆความรู้สึกหนู เรามีความสุขกับการที่ว่า คือการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับรุ่นพี่มากกว่า เพราะเราเป็นน้องใหม่ก็จะได้รับคำแนะนำจากพี่ๆเสมอในสิ่งต่าง ๆ หนูรู้สึกว่าหนูมีความสุขกับตรงนั้นมากกว่าการที่ว่า หนูต้องไปชนะคนอื่น”

ฟอร์มเป็นศิลปินที่ผ่านการประกวดร้องเพลงมาเยอะมาก และคว้ารางวัลมานับไม่ถ้วนก่อนจะมาประกวดในเวทีไมค์ทองคำ แม้กระทั่งจบการแข่งขันเป็นศิลปินแล้ว ก็ยังคงประกวดอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมาย ที่อยากให้ตัวเองก้าวเล็กๆ ไปทีละสเต็ป

“ความจริงคือมันกดดันมากนะ ในวันที่ชิงชนะเพชรในซีซั่น 2 ที่ผ่านมา หนูจะเป็นคนที่ร่าเริงมาก เหมือนจะเป็นวันสุดท้ายหลังจากที่เราซ้อมมาหลายเดือน และหนูบอกทุกคนว่า วันนี้ห้ามเครียด และพยามยายามทำให้ทุกคนมีความสุขมากที่สุด หนูไม่ได้โฟกัสว่า วันนี้จะต้องเอาแชมป์กลับบ้าน แค่อยากให้มองว่าตลอดการแข่งขัน เราได้อะไรจากมันมาบ้าง รวมถึงทุกเวทีการแข่งขันที่เคยผ่านมาด้วย ส่วนเป้าหมายเส้นทางศิลปินตอนนี้ จริง ๆยังไม่คิดถึงขั้นว่า หนุจะต้องดัง ตอนนี้หนูมองไปทีละสเต็ปเป็นขั้นไปก่อน ตอนนี้แข่งเสร็จ มีซิงเกิลใหม่เป็นของตัวเอง ก็อยากให้มีคนมาฟังเพลง”

 

จ่อย รวมมิตร รองแชมป์เพชรสีเขียว


หนุ่มใหญ่ในวัย วัย 57 ปี ที่หลายคนมองว่าเขาคือไอคอนของเวทีไมค์ทองคำเลยก็ว่าได้ ผู้มีแก้วเสียงละเอียดเป็นธรรมชาติชวนฟัง ทางถนัดถ่ายทอดเสียงร้องและอารมณ์เพลงได้ถึงใจ คือ ลูกทุ่งยุคเก่า จากลูกชาวนาที่ยึดอาชีพก่อสร้าง ใจที่รักเสียงเพลงลูกทุ่ง ใช้ท้องทุ่งเป็นเวทีฝึกฝนในทุก ๆ วัน เขาเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองทำในสิ่งที่รักบนเวทีไมค์ทองคำ 1 พิสูจน์ตัวเองกับคำว่าใช่และเหมาะสม ในตำแหน่งแชมป์ไมค์ทองคำคนแรกของประเทศไทยได้สำเร็จ

“การที่เราได้นั่งรถตู้ไปงานวัด ไปถึงขึ้นเวทีร้องเพลง ไปเจอคนที่คอยดูเรา ความรู้สึกเหมือนว่า เห้ย ตอนนี้เราเป็นนักร้อง ก่อนนั้นเราเป็นกรรมกรก่อสร้างไม่มีคนรู้จัก เพลงกระเป๋าสมปอง มันทำให้เรามีวันนี้ มีคนติดตามเรา มีชาวบ้านมานั่งดูเรา”  จ่อย เล่าความภูมิใจ ในฐานะศิลปิน

ความเป็นพี่ใหญ่ของน้อง ๆ และตำแหน่งที่ได้รับจากเวทีไมค์ทองคำทำให้ชื่อของ จ่อย เป็นอีก 1 คน ที่แฟนๆ ต่างจับตามองกับความเชื่อมั่นในความสามารถของเขาว่าจะเดินทางเข้าสู่รอบลึกๆ ในเพชรตัดเพชร ซีซั่น 1 ได้อย่างแน่นอน แต่ต้องมาพลาดตกรอบ ในโจทย์เพลงลูกทุ่งเครื่องไทย เป็นที่เสียดายของแฟนๆ ที่คอยตามเชียร์อยู่ ในซีซั่น 7 นี้ เขากลับมาพร้อมความผ่อนคลายมากขึ้น สนุกกับทุกโจทย์การแข่งขันที่ได้รับมอบหมาย ฝึกฝนเพิ่มเติมทั้งเรื่องการร้องเพลง และการแสดง แต่แมตช์สุดท้ายต้องสละแชมป์เพชรสีให้กับ ฟอร์ม ชลพิพรรธน์ ศิลปินรุ่นน้องที่เอ็นดูเหมือนลูกชาย แต่ถึงอย่างไร จ่อย รวมมิตร คือผู้ที่ตกรอบแต่มีคะแนนสะสมตั้งแต่รอบแรกสูงที่สุด จึงได้สิทธิ์กลับเข้ามาเป็นคนที่ 8 ในรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันร่วมกับแชมป์เพชรสีอีก 7 คน

 ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ในรายการ ใครคือผู้เข้าแข่งขันที่น่ากลัวที่สุด ?

“ก็เป็นน้องเต้ยนี่แหละ จริงๆ คุยกับน้องเต้ยว่า เป็นผู้เข้าแข่งขันที่เราชอบอยู่แล้ว และชื่นชม ในซีซั่น 2 นี้ก็คิดว่าเสียงของน้องจะทำให้น้องประสบความสำเร็จได้เป็นแชมป์”

“พี่จ่อยก็เหมือนนักร้องทั่วไปที่อาจจะมีวันโรยรา และมีรุ่นน้องขึ้นมาแทน ถ้าเป็นนักร้องต่อไป ก็อีกสัก 5 ปีจะถึงไหม (ยิ้ม) ถ้ามีแฟนเพลงยังต้องการ หรือมีเพลงให้พพี่จ่อยได้ร้องหรือมีไรให้ได้ไปต่อ ถ้ามีงานมาเรื่อยๆก็ยินดี เพราะตอนนี้ก้ทำงานร้องเพลงอย่างเดียว งานก่อสร้างก็ทิ้งไปแล้ว” จ่อย กล่าวทิ้งท้ายถึงอนาคตบนเส้นทางศิลปินของตัวเอง

 

วิทย์ สุวิทย์ แชมป์เพชรสีเหลือง

 

หนุ่มลูกอีสานอารมณ์ดี วัย 26 ปี ผู้รักในการร้องหมอลำอีสานเป็นชีวิตจิตใจ และมีความสามารถด้านการแต่งเพลงอีกด้วย ชีวิตการเป็นศิลปินเต็มตัวของวิทย์เริ่มต้นจากเวทีไมค์ทองคำ ซีซั่นที่ 8 มี วิทย์ ที่ไหนมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่นั้น คือคำของคนที่ได้ร่วมงานกับวิทย์กล่าวเอาไว้

“วิทย์เกิดและเติบโตในภาค และเป็นนักร้องหมอลำ ร้องตามงานต่างๆ หมอลำถือว่าเป็นสายเลือดและชีวิตจิตใจของวิทย์เลย”

การแข่งขันในรายการเพชรตัดเพชร ตั้งแต่ซีซั่นแรก ถือว่าวิทย์เป็นน้องใหม่ที่ต้องมาแข่งขันกับพี่ ๆ แต่วิทย์ความมีตั้งใจและเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองในทุก ๆ โจทย์การแข่งขัน ถึงแม้จะเป็นสิ่งไม่คุ้นเคยหรือไม่ใช่ทางถนัดก็ตาม ซีซั่นที่ 2 วิทย์กลับมาพร้อมความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น กับทุก ๆ รอบการแข่งขัน จนคว้าตำแหน่ง แชมป์เพชรสีเหลือง มาได้ในที่สุด

“รายการเพชรตัดเพชร เป็นรายการที่ท้ายทายสำหรับวิทย์ที่ต้องมาแข่งขันกันกับเพื่อน พี่น้องศิลปิน การได้เข้ารอบมาลึกขนาดนี้เป็นสิ่งที่เกินคาดมาก จากที่เราอยากจะมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนเวที และพัฒนาตัวเองให้เพิ่มมากขึ้น การได้เป็นยอดเพชรสีเหลืองถือว่าเป็นความภาคภูมิใจสำหรับความพยายามที่ผ่านมาของตัวเอง”

 

กบ สุพจน์ แชมป์เพชรสีดำ

 หนุ่มสระแก้ว วัย 32 ปี ผู้มีพลังเสียงในการถ่ายทอดอารมณ์เพลง ที่สามารถเข้าไปกระแทกใจของทุกคนได้จากพลังเสียงที่โดดเด่น ทำให้กบคว้าแชมป์ไมค์ทองคำ ซีซั่นที่ 3 มาได้ และเริ่มการเป็นศิลปินจากจุดนั้ เพราะพลังจากสิ่งที่รัก ทำให้เขายืนหยัดบนเส้นทางนี้ พัฒนาตัวเองมาโดยตลอด

ในเพชรตัดเพชร เขาแสดงศักยภาพที่หลายๆ คนไม่เคยได้เห็นจากตัวเขามาก่อน และเป็นแชมป์เพชรสีแดง ในซีซั่นที่ 1 กลับมาในซีซั่นที่ 2 ออร่าความทรงพลังก็ไม่มีดรอปไปจากตัวเขา เดินหน้าสร้างผลงาน เพื่อความภูมิใจของตัวเองและมอบให้ทุก ๆ คนที่รอคอยทุกผลงานของเขา ยืนหยัดพิสูจน์ความสามารถอีกครั้งด้วยตำแหน่ง แชมป์เพชรสีดำ ในซีซั่นที่ 2

“เวทีนี้ มันทำให้เราได้สร้างความมั่นใจมากขึ้น จากที่ครั้งแรกผมไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย เรามองเห็นอะไรที่มันมากกว่าการแข่งขัน คือการได้ทำโชว์ดี ๆ ให้แฟนๆได้ดู ไม่คิดว่าเรามาแข่งขัน สิ่งนี้เป็นคำตอบทำให้เรามีความมั่นใจกับตัวเองมากขึ้นในการโชว์ และเราไม่คิดว่าจะต้องชนะ แต่เราทำโชว์ให้ดีที่สุดตามโอกาสที่เราได้รับ และผมมองว่า มันเป็นเวทีที่ให้โอกาสศิลปินทุกคนเลยให้ได้มาเพิ่มศักยภาพ และพัฒนาตัวเอง”

 

เฟิร์น ชนิสรา แชมป์เพชรสีชมพู

คุณครูสาวจากจังหวัดสุราษฏ์หน้าคม วัย 27 ปี สายลุยไม่กลัวต่ออุปสรรคที่ขวางกั้น ความหวังและความฝันของเธอ เฟิร์นเริ่มต้นการเป็นศิลปินจากเวทีไมค์ทองคำ ซีซั่นที่ 4  ปัจจุบันมีอีกหนึ่งอาชีพคือคุณครู สอนวิชาศิลปะ

“เรามีอาชีพครู เราต้องสละเวลาที่ต้องสอนเด็กนักเรียน เพราะมาตามหาฝันตัวเอง ซึ่งในทางข้าราชการมันค่อนข้างผิดอยู่แล้ว เพราะเราทิ้งประโยชน์ส่วนรวมมาหาประโชน์ส่วนตน แต่หนูก็ตัดความรู้สึกตรงนี้ไป ด้วยการที่ว่า เวลาที่เราอยู่โรงเรียนเราก้ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วเวลาเรามายืนอยู่บนเวทีนี้เราก้ต้องทำให้ดีที่สุด เมื่อเลือกที่จะทำทั้งสองทาง ก้ต้องทำให้ดีที่สุดทั้งสองทาง”

 

ในเพชรตัดเพชร เธอคือหนึ่งคนที่ภูมิใจในความเป็นใต้ของตัวเอง ทุก ๆ ผลงานเพลงมักจะสอดแทรก สำเนียงความเป็นบ้านเกิดเข้าไป ที่ถือว่าเป็นจุดแข็งของเธอเลยก็ว่าได้ ในซีซั่นที่ 2 กลับมาพร้อมความตั้งใจ และใส่ใจ เหมือนเป็นความหวังของตัวเอง ครอบครัวและคนรอบข้าง ที่เป็นเสียงเชียร์และแรงผลักดัน ให้เธอได้กลับมาสู้อีกครั้ง ออร่าเสน่ห์ความเป็นสาวใต้ของเธอทำให้คว้าตำแหน่ง แชมป์เพชรสีชมพู ในซีซั่น 2 มาครองได้ในที่สุด

“รายการเพชรตัดเพชรให้ประสบการณ์ที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าเราไม่เคยเจอกับคำว่าพ่ายแพ้ หรือความรู้สึกที่ผิดหวัง เราจะไม่ได้ออกจากจุดนั้นเลยถ้าเราไม่ได้มารายการนี้ และทำให้หนูได้พัฒนาตัวเองขึ้นมามากจากปีที่แล้ว อีกอย่างคือให้โอกาสหนูได้มีพื้นที่แสดงความสามารถ และให้โอกาสสำหรับคนดูได้รู้จักหนูมากขึ้น และสุดท้ายที่สำคัญคือมิตรภาพจากผู้เข้าแข่งขันทุก ๆคน เพราะนานมากแล้วที่เราไม่ได้เจอและร่วมงานกันเลยกับเพื่อนๆศิลปิน”

เพชรตัดเพชร เปรียบเสมือนเวที ที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดที่เป็นเพชรอยู่แล้ว กลับมาเปล่งประกายแวววาวบนเวทีอีกครั้ง พร้อมกับได้รับโอกาสใหม่ๆ ให้พัฒนาตัวเองในทางศิลปิน ซึ่งผลของการแข่งขันเป็นเพียงส่วนหนึ่งและเป็นปลายทางของรายการ แต่ระหว่างทางนั้นล้วนมีความหมายและแฝงไปด้วยเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้น  ในขณะเดียวกันยังเป็นรายการที่ทำให้แฟนๆของพวกเขาได้กลับมาติดตามดูโชว์ของศิลปินที่รักอีกครั้งบนจอแก้ว ทำให้รายการเพชรตัดเพชรครองเรตติ้งอันดับ 1 ในช่วงไพรม์ไทม์วันอาทิตย์ที่รายการออนแอร์ (18.00-20.00 น.) ต่อเนื่องตลอดทั้งซีซั่น รอชมว่ารายการเพชรตัดเพชร จะมีซีซั่นต่อไปออกมาให้ได้ติดตามอีกหรือไม่

ดูอะไรดีๆ ที่ช่องเวิร์คพอยท์

 

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า