Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะทำได้จริงหรือไม่ผ่านระบบ Blockchain เพราะจะต้องทำการกระจายเงินดิจิทัลให้ประชาชนคนไทยที่มีอายุ 16 ปี ขึ้นไป รวมแล้วผู้ที่จะได้รับเงินดิจิทัลจะอยู่ที่ราว 50-55 ล้านคน

พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะเริ่มเดินหน้านโยบายนี้ให้ใช้ได้ทันคร่อมกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า (ปี 2567) เพราะกติกาการใช้เงินดิจิทัลกำหนดให้ต้องกลับไปใช้ตามภูมิลำเนาในบัตรประชาชนในระยะรัศมี 4 กิโลเมตร

เบื้องหลังการออกแบบนโยบายนี้อยู่บนแนวคิดที่ว่าเพื่อไทยต้องการเป็นที่จดจำอีกครั้งในฐานะพรรคที่ขึ้นชื่อว่า ออกแบบนโยบายที่หวือหวา ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เหมือนยุคที่ไทยรักไทยเคยทำได้ในนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน 1 ล้าน ฯลฯ

มาถึงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล คือการสร้างภาพจำใหม่อีกครั้งให้กับคนรุ่นใหม่ว่า เพื่อไทยเป็น พรรคการเมืองที่จะนำร่องเรื่องการชำระเงินรูปแบบใหม่ของประเทศ

แต่นโยบายนี้ถูกคนแวดวงสายเทคโนโลยีจับผิดว่าเชิงเทคนิคแล้วอาจจะโป๊ะแตกได้

ในโลกออนไลน์มีผู้คนในวงการเทคโนโลยี และคริปโตเคอร์เรนซี ตั้งข้อสังเกตและวิจารณ์ว่า นโยบายนี้ที่บอกว่าจะปฏิวัติวิธีชำระเงินในโลกการเงินสมัยใหม่ เอาเข้าจริงอาจจะเป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อหรือไม่

ในมิติทางเทคโนโลยี ให้ความเห็นว่า การที่จะนำระบบ Blockchain มาใช้รองรับธุรกรรมมหาศาลจากประชากรหลายสิบล้านคนได้นั้น จะมีข้อจำกัด คือ จะไม่ได้ความเนื้อแท้ของปรัชญา Decentralization หรือการกระจายศูนย์เลย เพราะการรันเหรียญดิจิทัลบน Blockchain นั้นเชื่อกันว่าต้องไม่มีตัวกลางหรือสถาบันการเงินใดๆ ในโลกนี้มายุ่งไม่ได้นั่นเอง

คนวงการคริปโตเคอร์เรนซีหลายคนมองว่า ระบบ Blockchain ที่เพื่อไทยเอามาใช้รันธุรกรรมดิจิทัลวอลเล็ต น่าจะไม่ใช่ Blockchain ที่ตรงตามนิยามจริงๆ เพราะมันต้องมารองรับธุรกรรมมหาศาล

โดยมีการคาดการณ์ว่า ระบบชำระเงินที่เพื่อไทยออกแบบ น่าจะไม่ได้เป็น Blockchain สาธารณะ (Public Blockchain) ที่เปิดรายละเอียดของโครงสร้างระบบให้คนทั่วไปเห็น แต่น่าจะทำแบบที่เรียกว่า Private Blockchain มากกว่า หรือยังทำแบบรวมศูนย์ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับระบบฐานข้อมูลทั่วไป

พร้อมกับที่หลายคนสงสัยว่า แล้วมันต่างกับการใช้เงินผ่านแอปเป๋าตังค์ หรือบัตรคนจนอย่างไร เพราะที่คล้ายกัน คือ มีการโอนเงินเข้าไปผูกกับบัตรประชาชนเพื่อใช้จ่าย

ที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยอธิบายประเด็นนี้ว่า แตกต่าง ตรงที่ระบบหลังบ้านที่ใช้ Blockchain รัน จะทำให้เขียนเงื่อนไขวิธีการกระจายเงินได้ในทุกแบบ

มีการยกตัวอย่างเป็นต้นว่า สมมติว่าถ้าเพื่อไทยออกแบบเงินขึ้นมา และกำหนดค่าเงินว่ามันจะเท่ากับ 1 บาทก็ได้ หรือมากกว่า 1 บาทก็ย่อมได้ เพราะบน Blockchain จะเขียนโปรแกรมให้เงินมีค่าเท่าไหร่ก็ได้ และเขียนโปรแกรมควบคุมให้เงินถูกนำไปใช้ได้ที่ไหนบ้าง

เช่น ถ้าเพื่อไทยอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจที่เมืองรองมากกว่าในกรุงเทพฯ ก็เขียนโปรแกรมให้ค่าเงินดิจิทัลที่จับจ่ายใช้สอยในกรุงเทพฯ มีค่า 1 Token (เหรียญดิจิทัล) เท่ากับ 100 บาท แต่ถ้าใช้เงินดิจิทัลในเมืองรอง 1 Token จะเท่ากับ 120 บาท แบบนี้ก็ได้

ส่วนประเด็นเรื่องเงินทิพย์ หรือเสกเงินกลางอากาศนั้นมาจากไหน ?

นโยบายเพื่อไทยที่จะกระจายเงินมหาศาลผ่าน Blockchain ฟังดูเหมือนจะคล้ายๆ เสกเงินมูลค่าราว 5.6 แสนล้านบาทขึ้นมาในระบบ Blockchain เพื่อแจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้คนไทยประมาณ 50 กว่าล้านคนนั้น ข้อเท็จจริงสำคัญ คือ ระบบนี้จะต้องมีเงินงบประมาณจริงแบ็กอัปมูลค่าเงินดิจิทัลนั้นด้วย

แล้วเงินจริงมาจากไหน ?

เพื่อไทยยืนยันกับสื่อตลอดว่าไม่ได้ใช้วิธีออกกฎหมายกู้เงิน แต่จะมาจาก 4 ก้อน

1.รายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 (เป็นรายได้จากการเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น) ประเมินว่าก้อนนี้จะมีอยู่ 2.7 แสนล้านบาท

2.รายได้ภาษีที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้อีก 1 แสนกว่าล้านบาท

3.การบริหารจัดการงบประมาณประเทศในส่วนที่ไม่มีประสิทธิภาพในระบบได้งบฯ กลับมา 1.1 แสนล้านบาท

4.การบริหารงบประมาณสวัสดิการที่ซ้ำซ้อนอีก 9 หมื่นล้านบาท

ประเด็นเสกเงินทิพย์ และ Blockchain แท้ ไม่แท้ จะรู้แน่ก็ต่อเมื่อเพื่อไทยเริ่มนโยบายนี้ ออกแบบระบบขึ้นมา เมื่อนั้นนักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญ จะออกมาให้ความเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีเสียงเสนอว่า ประชาชนที่สนับสนุนนโยบายนี้ไม่ได้คิดมาก ถ้าจะไม่ได้ใช้ระบบ Blockchain ตามคอนเซ็ปต์ที่หาเสียงไว้ หากเพื่อไทยจะเดินหน้าแจกเงิน 10,000 บาท อาจใช้การกระจายเงินแบบปกติที่ทำอย่างในแอพฯ เป๋าตังค์ก็ย่อมได้เช่นกัน

คิดเห็นอย่างไรร่วมแชร์กันได้

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า