SHARE

คัดลอกแล้ว

บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST ชี้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตพร้อมออกมาตรการลดหย่อนภาษีใหม่ e-Refund กระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและการเติบโตของ GDP ในปี 2567-2568

หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมออกมาตรการลดหย่อนภาษีใหม่หรือ e-Refund คาดมีมูลค่ารวม 6 แสนล้านบาท 

โดยเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการกระตุ้นภาคบริโภคในประเทศ ตั้งแต่ปี 2558 นับรวมได้ 13 มาตรการ อาทิ มาตรการคนละครึ่งและมาตรการลดหย่อนภาษี (ช้อปช่วยชาติ ช้อปดีมีคืน ยิ่งใช้ยิ่งได้) มีสัดส่วนไม่ถึง 0.1%-1.39% ของ GDP

ขณะที่เมื่อนำมาเปรียบกับสองโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นราว 6 แสนล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 3% ของ GDP เลยทีเดียว

จึงถือว่าเป็นมาตรการกระตุ้นภาคบริโภคครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นต่อการบริโภคภาคเอกชนและการเติบโตของ GDP ในปี 67-68 ได้อย่างมีนัยสำคัญ 

อย่างไรก็ตาม เมย์แบงก์มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว มีอุปสรรค 2 อย่าง คือ

        • ความท้าทายทางกฎหมาย อาจทำให้โครงการถูกยกเลิกทั้งหมดหรือลดขนาดลงอย่างมาก โดยฝ่ายค้านอ้างถึงมาตรา 140 ของรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนของรัฐและมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติความรับผิดชอบทางการเงินและการคลังของเกี่ยวกับข้อจำกัดในการระดมทุนฉุกเฉิน
        • การกู้ยืมเพื่อสนับสนุนมาตรการดังกล่าวอาจมีมูลค่ารวม 6 แสนล้านบาท (มากกว่า 3% ของ GDP) ซึ่งอาจเผชิญความท้าทายเนื่องจากเงินทุนยังคงไหลออกและสภาพคล่องส่วนเกินที่ลดลงในประเทศไทย

ทั้งนี้ ทีมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ เห็นว่ามาตรการนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทค้าปลีกที่จดทะเบียนทั้งหมด โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดจะอยู่บน 3 เงื่อนไข 

        • บริษัทที่สัดส่วนรายได้จากสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary)จะได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น (Consumer Staples) 
        • บริษัทที่มีสัดส่วนรายได้ธุรกิจค้าปลีกในระดับประเทศสูงจะได้รับประโยชน์มากกว่าบริษัทที่รายได้สัดส่วนจากต่างประเทศ 
        • บริษัทที่มีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมทั่วประเทศหรืออยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมากเพื่อรองรับยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้  

และถ้าหากคัดกรองจาก 3 เงื่อนไขข้างต้นทำให้เราได้ 2 บริษัทที่เราเชื่อว่าได้ประโยชน์สูงสุดจากมาตราการคือ COM7 และ HMPRO ด้วยร้านค้าเกือบ 1,300 แห่งใน 75 จังหวัด (จาก 76 จังหวัด) COM7 จึงมีเครือข่ายร้านค้าครอบคลุมที่สุดและมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจาก โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 

นอกจากนี้เรายังคิดว่าบริษัทฯ น่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการ ลดหย่อนภาษี เนื่องจากธุรกรรมในการซื้อขายสูงสุดที่ 8,000-9,000 บาท 

ขณะที่ HMPRO ก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดเช่นกัน โดยมีเครือข่าย ครอบคลุมที่สุดในบรรดาผู้ค้าปลีกอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน มีแนวโน้มที่จะช่วยให้มีรายได้ มากกว่าคู่แข่งจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากมีการดำเนินงานในกรุงเทพฯ ค่อนข้างมาก (เกือบ 1 ใน 3 ของยอดขาย) ซึ่งจะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากโครงการลดหย่อนภาษีอีกด้วย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า