แชร์บทความ คัดลอกแล้ว

SHARE

คัดลอกแล้ว

ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ แฉ ‘ประยุทธ์’ ในฐานะประธาน กพช. วางแผนพลังงานเกินความจำเป็น ออกใบอนุญาตให้สร้างโรงไฟฟ้า แถมผูกสัญญาประกันรายได้ แม้ไม่ผลิตไฟฟ้าเลยก็ได้ แบกรับ 4.5 หมื่นล้านบาทต่อปี เฉลี่ย 24 สตางค์ทุกหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ไป ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชนใช้ไฟฟ้าแพงเกินจริง

นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) โดยนายวรภพกล่าวถึงการขึ้นค่าไฟฟ้าในห้วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ว่าประชาชนอาจจะต้องเตรียมตัวจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเป็น 5บาท/หน่วย โดยค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายแพงนั้น มันไม่ได้มีสาเหตุมาจาก ต้นทุนเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นอย่างเดียว แต่มันมีสาเหตุมาจากการ บริหารราชการแผ่นดินที่ เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานของรัฐบาล

ส.ส. วรภพ สรุป 4 ขั้นตอน เริ่มจากขั้นแรก คือการประมาณการความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยไว้สูงเกินความเป็นจริง คือ ในแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าหรือ PDP: Power Development Plan ขั้นตอนแรกของการทุจริตคอรัปชั้นเชิงนโยบายก็จะเกิดขึ้น เริ่มจากการที่ ประมาณการความต้องการไฟฟ้า ไว้สูงเกินความเป็นจริงตลอดมา

ขั้นที่ 2 คือตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินไว้สูง เพื่อไปสู่ขั้นที่ 3 คือวางแผนให้มีโรงไฟฟ้าเพิ่มมากเกินความจำเป็น และ เหตุผลที่ต้องประมาณการความต้องการไฟฟ้าไว้สูง ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินไว้สูง และ วางแผนเพิ่มโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็น ในแผน PDP ก็เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนที่ 4 คือรัฐบาล หรือ กพช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะได้มีเหตุผลในการอนุมัติ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชน มากเกินความจำเป็นตามมา หรือมากเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นจริง โดยอ้างว่าเพื่อให้สอดคล้องกับแผน PDP ที่ทำไว้

และด้วยสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA: Power Purchase Agreement ที่รัฐบาลประกันกำไรให้เอกชน ได้คืนทุนแถมกำไรที่ได้ลงทุนไป ตลอดระยะเวลาอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยที่ไม่สนว่าประเทศไทยจะมีโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็นหรือไม่ และต้นทุนของการมีโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็นนี้ ก็จะถูกนำมาคิดในโครงสร้างราคาไฟฟ้าที่ให้ประชาชนเป็นคนรับภาระ เป็นคนจ่ายค่าไฟฟ้าแพงเกินจริง จากขบวนการทุจริตคอรัปชั่นเชิงนโยบายด้านพลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ

“ผลลัพธ์ความเสียหายของการทุจริตคอรัปชั่นเชิงนโยบายเป็นเท่าไหร่ ก็ต้องเริ่มจากว่าตอนนี้เรามีโรงไฟฟ้ามากเกินอยู่เท่าไหร่ ฟังแล้วอาจจะตกใจครับท่านประธาน วันนี้เรามีโรงไฟฟ้าเกินความต้องการสูงสุดไป 54% ผมจะอธิบายให้ท่านประธานเข้าใจและเห็นภาพง่ายๆ แบบนี้ครับ ผมเอา ข้อมูลเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ คือช่วงหน้าร้อน มักจะเป็นเดือนที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงที่สุดในรอบปีอยู่แล้ว ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุด หรือ ค่า peak ในเดือนเมษายน 2565 จะอยู่ที่ 33,177 MW เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 เวลา 14.30 น.”

“เรามีกำลังการผลิตตามสัญญาในระบบไฟฟ้าทั้งหมด เดือนเมษายนอยู่ที่ 51,040 MW ซึ่งคำนวนง่ายๆ ประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน หรือมีโรงไฟฟ้าเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด อยู่ถึง 54% หรือ 17,863 MW ซึ่งแน่นอนครับ ย้ำอีกทีว่ากำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกินนี้ ไม่ใช้ว่า โรงไฟฟ้าจอดเฉยๆและจบนะครับ เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจะต้องจ่ายค่าประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าเอกชนตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตลอดทุกเดือน และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็จะวนกลับมาเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าของประชาชนทั้งหมด” ส.ส.วรภพ กล่าว

นายวรภพ ยังดักทาง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ถ้าโพยมาให้ท่านนายกฯ อธิบายว่า การที่ประเทศไทยต้องมีกำลังการผลิตส่วนเกินสูงนั้น เพราะ เป็นความมั่นคงทางพลังงาน เพื่อจะได้ไม่มีวันไหนที่ประเทศไทยไฟตกเลย ให้ท่านนายก เอาโพยคืนไปเลย เพราะมาตรฐานสากลทางพลังงานเค้ารู้ทั่วกันว่า มาตรฐานกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน อยู่กันที่เพียง 15% เท่านั้น พร้อมสรุปตัวเลข มูลค่าความเสียหายถึง 45,819 ล้านบาทต่อปี และถ้าเอามูลค่าความเสียหายนี้ หารด้วย จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ทั้งปี ก็จะได้ว่า ทุกๆ หน่วยไฟฟ้าที่ประชาชนจ่ายไป ประชาชนจ่ายค่าไฟแพงเกินความจำเป็นให้กับกลุ่มทุนพลังงานไปถึง 0.24 บาท/หน่วย

“ทีนี้ท่านประธานและพี่น้องประชาชนทุกท่านก็ลองคำนวนดูเลยครับ ว่าเดือนๆ นึง เราใช้ไฟฟ้าไปเท่าไหร่ เอามาคูณด้วย 24 สตางค์/หน่วย ก็จะได้เป็นค่าความเสียหาย ที่ประชาชนทุกคนถูกยักยอกเอาไป โดยรัฐบาล เพื่อผลประโยชน์ ความมั่งคั่งของกลุ่มทุน อย่างถูกกฎหมาย จากการทุจริต คอรัปชั่น เชิงนโยบายของรัฐบาล อย่างบ้านผมเนี่ย เดือนล่าสุดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 732 หน่วย ก็เหมือน ผมเนี่ยถูกยักยอกเงินไป 175 บาท/เดือน ปีๆ นึง 2,100 บาท โดยไม่จำเป็น โดยรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน” วรภพกล่าวทิ้งท้าย

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า