“ทำงาน 7 วันถึงได้กลับบ้าน” เปิดชีวิตบางส่วนของบุคลากรทางการแพทย์สู้โควิด-19

การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ที่กำลังต่อสู้กับโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่จ.ยะลา ชั่วโมงการเข้าเวรยังปกติ แต่ภาระงานโหลดขึ้น 7 วันถึงได้กลับบ้านไปหาครอบครัว แต่ต้องระวังอย่างยิ่งไม่ให้นำเชื้อไปแพร่บุคคลใกล้ชิด

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา

นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ว่า จากกรณีบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบันนังสตา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นแพทย์ 1 คน พยาบาล 2 คน โดยต้องมีการกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด 21 คน เหลือผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพียงคนเดียวนั้น

ได้มีคำสั่งจัดแพทย์จากโรงพยาบาลอื่นในจังหวัดยะลา หมุนเวียนไปช่วยบริการประชาชนวันละ 3 คน เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดยโรงพยาบาลบันนังสตาจะเปิดให้บริการประชาชนเฉพาะแผนกฉุกเฉิน หากผู้ป่วยใหม่อาการหนักจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลก็จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ขณะที่ผู้ป่วยในของโรงพยาบาลบันนังสตาที่พักรักษาตัวอยู่ก่อนหน้านี้ จะส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นในจังหวัดยะลาเช่นกัน

ชีวิตบุคลากรทางการแพทย์

นายแพทย์สงกรานต์ เล่าว่า ในภาพรวมชั่วโมงการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ขณะนี้มีภาระงานหนักขึ้น (งานโหลดขึ้น) เนื่องจาก ต้องให้ความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ที่ต้องสังเกตอาการ ต้องใช้เวลาดูแลผู้ป่วย 1 คนนานขึ้น แม้จำนวนผู้ป่วยจะไม่มากเหมือนวันเวลาปกติ เพราะได้ปรับให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สพ. เข้ามาช่วยกระจายยาให้ผู้ป่วยเรื้อรัง และมีการลดงานบริการผู้ป่วยนอก เพ่ิ่มช่องทางโทรศัพท์ให้คำปรึกษาสุขภาพ

ยกตัวอย่าง หมอ 1 คน ปกติทำงาน 8 ชั่วโมง อยู่เวรอีก 12 ชั่วโมง เช่นเข้าทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าวันนี้ ออกเวร 8 โมงเช้าของวันถัดไป ทุกวันนี้ชั่วโมงการทำงานยังเป็นไปตามปกติได้ แต่ว่าเวลาที่ให้กับคนไข้แต่ละคนจะเพิ่มมากขึ้น เพราะการดูแลผู้ป่วย หรือ ผู้ต้องสังเกตอาการเชื้อโควิด-19 ต้องมีการสวมชุดและอุปกรณ์ป้องกัน และมีขั้นตอนกระบวนการมากกว่าการรักษาโรคทั่วไป

นายแพทย์สงกรานต์ เล่าถึงการทำงานแบ่งบุคลากรทางการแพทย์ 1 ทีม เป็น 3 ทีมย่อยหมุนเวียนกันทำงาน คือ 1.ทีมปฏิบัติการ 2.ทีมพัก 3.ทีมสนับสนุน ซึ่งทุกคนที่ปฏิบัติงานกับไวรัสโควิด-19 แม้เป็นเวลาพัก ก็ต้องพักภายในแฟลต หรือสถานที่ที่แยกจากผู้คนอื่น หมายความว่าต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้จนครบสัปดาห์ จึงสามารถกลับบ้านไปหาครอบครัวได้ และต้องปฏิบัติตัวไม่ให้กลายเป็นนำเชื้อไปแพร่ให้กับครอบครัว ซึ่งคนทำงานลำบากขึ้น

(ภาพบุคลากรทางการแพทย์ช่วยกันทำชุดป้องกันระหว่างตรวจคนไข้ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 / 25 มี.ค. 2563)

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังจะมีห้องแล็บตรวจโควิด-19 ได้เอง

นายแพทย์สงกรานต์ เปิดเผยว่า วันนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้นำอุปกรณ์มาทำห้องแล็บที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา เพื่อเป็นสถานที่ตรวจแล็บรองรับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผ่านมาการตรวจแล็บต้องส่งไปตรวจที่ จ.สงขลา ซึ่งที่สงขลาเองต้องรับตรวจ 7 จังหวัดภาคใต้ ระยะเวลาที่จะทราบผลตรวจก็ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณงานของที่ จ.สงขลา ทั้งนี้คาดว่า ต้นเดือนเมษายน หรือไม่เกินสัปดาห์ที่ 2 จะเปิดห้องแล็บที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลาได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระงานที่สงขลาด้วย

ปัจจุบันภาพรวมของจังหวัดยะลา มีผู้ป่วยติดเชื้อ 26 ราย รักษาที่โรงพยาบาล 25 ราย หายแล้ว 1 ราย มีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ (PUI) จำนวน 52 ราย ผู้สัมผัสผู้ป่วย 217 ราย เฝ้าระวังครบ 14 วันแล้ว 118 ราย

ทีมห้องผ่าตัดยะลาออกเงินเย็บชุดทำอุปกรณ์กันโควิดใช้เอง ขอ ปชช.ช่วยอยู่บ้านลดโรค