SHARE

คัดลอกแล้ว

เคยได้ยินประโยคที่ว่า “ใช้เงินคลายเครียด” กันไหม พฤติกรรมแบบนี้จะเกิดขึ้นเวลาที่รู้สึกไม่สบายใจ แต่พอได้ช้อปปิ้งปุ๊บ ก็รู้สึกดีขึ้นมาจนอธิบายไม่ถูก

ซึ่งถ้ายังสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้หรือไม่ได้ซื้อของที่แพงจนเกินตัวก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าควบคุมไม่ได้ เกิดพฤติกรรมแบบนี้บ่อยขึ้น และเริ่มซื้อของแพงขึ้นเรื่อยๆ ก็คงจะเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

โดยหนึ่งในพฤติกรรมที่มีลักษณะเดียวกัน และเป็นประเด็นที่กำลังถูกจับตามองในสังคมยุคปัจจุบัน คือพฤติกรรมที่เรียกกันว่า ‘Doom Spending’ 

ซึ่ง Doom Spending คือ พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินที่มากเกินไปกับสิ่งของหรือประสบการณ์ที่หรูหรา เช่น การเดินทาง เสื้อผ้าแบรนด์เนมและของฟุ่มเฟือยต่างๆ

พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นมาเพื่อเยียวยาจิตใจและจัดการกับความกลัว ความกังวล รวมถึงความผิดหวังที่เกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของตนเองและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

ยิ่งโดยเฉพาะในปัจจุบันนับตั้งแต่ทั่วโลกเผชิญสถานการณ์โควิด 19 ที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ แถมมีเงินเฟ้อและดอกเบี้ยก็สูง ทำให้คนส่วนใหญ่ในตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหาทางการเงินและมีความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่สำคัญกลุ่มที่กำลังมีแนวโน้มจะมีพฤติกรรม Doom Spending มากขึ้น คือกลุ่ม Gen Z และ Gen Y โดย 35% ของ Gen Z และ 43% ของ Gen Y ยอมรับว่ากำลังมีพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบ ‘Doom Spending’

และข้อมูลจากการสำรวจของ Credit Karma พบว่าโดยรวมกว่า 71% ของกลุ่ม Gen Z และ Gen Y มีความกังวลเกี่ยวกับการเงินของตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมการซื้อของที่หุนหันพลันแล่นมากขึ้น

โดยส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้จะเริ่มรู้สึกว่าการออมเงินเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ทีนี้พอรู้สึกแบบนี้ก็จะเริ่มไม่เก็บเงิน เริ่มให้ความสำคัญกับอนาคตน้อยลง แต่จะหันมาให้ความสำคัญกับปัจจุบัน และใช้จ่ายซื้อของตามใจตนเองไปเรื่อยๆ

สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากๆ สำหรับคนที่มีพฤติกรรม Doom Spending คือ ที่คนเหล่านี้จะมีเงินออมไม่เพียงพอสำหรับในวัยเกษียณหรือใช้ในยามจำเป็น และอาจะนำไปสู่ปัญหาทางการเงินในระยะยาวได้

แต่มีหลายคนที่ยังสงสัยและไม่รู้ว่าตัวเองเข้าข่ายพฤติกรรม Doom Spending หรือไม่ ให้ลองสังเกตพฤติกรรมการใช้เงินของตนเอง หรือจะใช้วิธีในการจดบันทึกการใช้จ่ายก็ได้

และหากว่าใครที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็น Doom Spending ให้ปรับพฤติกรรมการใช้เงิน เลิกผูกบัตรเครดิตเพราะจะทำให้การใช้จ่ายง่ายเกินไปจนเราลืมตัว

เพื่อพยายามทำให้การใช้จ่ายเงินซับซ้อนและยุ่งยากเพื่อให้มีเวลาไตร่ตรองเพิ่มขึ้น หรือเวลาที่รู้สึกไม่สบายใจให้หากิจกรรมอื่นๆ ทำเพื่อผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย เป็นต้น

ที่สำคัญอย่าลืมแบ่งสัดส่วนของเงินก่อนใช้ทุกครั้งเพื่อให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากและเพื่อให้มีเงินเก็บออมสำหรับระยะยาวด้วย

ที่มา : bloomberg ,  cnbc

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า