‘ชาดา’ ย้ำนโยบายปราบยาเสพติด รัฐบาลนี้เป็นแบบ “แยกปลาแยกน้ำ”

‘ชาดา’ ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยผลโค่นเครือข่ายค้ายาบ้าภาคเหนือ 10 ล้านเม็ด ย้ำทุกหน่วยยึดหลัก “แยกปลาแยกน้ำ” ระหว่างผู้เสพผู้ค้า

ในการแถลงข่าวคดียาเสพติด ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ในวันนี้ (6 ธ.ค. 66) มีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงผลการปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ

เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน และยึดของกลาง เป็น ยาบ้าได้ 10 ล้านเม็ด หลังจากผู้กระทำความผิด ใช้รถกระบะลักลอบลําเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ เข้ากรุงเทพมหานคร โดยอําพรางด้วยพืชผลทางการเกษตร

นายชาดา กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงมหาดไทย มีนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ โดยพบว่า ผู้ที่มีอิทธิพลส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ต้องดําเนินการปราบปรามโดยเร่งด่วน ซึ่งจําเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง และกลไกในระดับพื้นที่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดปฏิบัติการ (Kick Off) ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 66

ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ ถือเป็นบูรณาการณ์ทำงานร่วมกัน ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด “แยกปลาแยกน้ำ” ระหว่างผู้เสพผู้ค้าและดําเนินการปราบปรามผู้ค้าผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

ตนในฐานะตัวแทนของรัฐบาล ขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและจะระดมสรรพกำลัง ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ เพื่อป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นมหันภัยร้ายแรงของประเทศชาติ ให้ประชาชน มีความมั่นคง และปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และดำเนินชีวิตในสังคม ได้อย่างปกติสุข

“ขอย้ำว่าคนไทยทุกคนต้องช่วยกัน เห็นสิ่งผิดปกติตรงไหน อย่าเกรงกลัวกับอำนาจที่ไม่ถูกต้อง ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะถ้าท่านเพิกเฉย เมื่อเห็นยาเสพติดข้างบ้าน ต่อไปยาเหล่านั้น ก็อาจจะข้ามมายังบ้านของท่าน ตนเชื่อว่าหากพี่น้องคนไทยร่วมมือ เจ้าหน้าที่ก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น” นายชาดา กล่าว

สําหรับเดือนพฤศจิกายน 2566 ตํารวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสําคัญทั้งสิ้น 21 คดี ผู้ต้องหา 42 คน ของกลางเป็น ยาบ้า 36,351,455 เม็ด, ไอซ์ 125.84 กิโลกรัม เฮโรอีน 11.87 กิโลกรัม, โคเคน 3.229 กิโลกรัม และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 24.68 ล้านบาท