SHARE

คัดลอกแล้ว

การค้ายาเสพติดข้ามเมืองผ่านทางโทรศัพท์ เป็นปัญหาด้านยาเสพติดระดับชาติของอังกฤษมานาน ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีการลักลอบซื้อขายยาเสพติดระหว่างเมืองใหญ่อย่าง ลอนดอน ลิเวอร์พูล และเบอร์มิงแฮมกับพื้นที่ในชนบท โดยใช้วิธีการติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์กว่า 2,000 หมายเลข ซึ่งทางการอังกฤษระบุว่าแต่ละหมายเลขสามารถทำกำไรให้แก่ผู้ค้ามาถึง 2,000 ปอนด์ (ราว 3 แสนบาท) ต่อปี 

ปัญหาสำคัญที่สร้างความท้าทายกับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของอังกฤษ คือ การที่เครือข่ายค้ายาเสพติดได้หลอกล่อเด็กและเยาวชนให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ ซึ่งทางการอังกฤษประเมินว่ามีเด็กและเยาวชนกว่า 46,000 คนทั่วประเทศ มีส่วนร่วมในกระบวนการผลิต ติดต่อซื้อขาย และลักลอบขนส่งยาเสพติดเช่น โคเคน และ เฮโรอีน จากหัวเมืองใหญ่ไปนอกเมือง

โดยล่าสุดหนังสือพิมพ์ The Guardian สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดการดำเนินการของเครือข่ายค้ายาเสพติด ในเมืองที่ตั้งอยู่ชายทะเล ทางตอนใต้ของอังกฤษ โดยระบุว่า แก๊งค้ายาเสพติดบางแก๊งมีความชำนาญและสลับซับซ้อนมากขึ้น และมีระบบการดำเนินการที่มีลักษณะราวกับเป็นบริษัทเชิงพาณิชย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายทั่วไป 

ชาร์ลี โทมัส เจ้าหน้าที่จาก ST GILES TRUST องค์กรการกุศลของอังกฤษ ที่ช่วยเหลือผู้คนที่ประสบปัญหารุนแรงต่าง ๆ ได้ตั้งข้อสังเกตหลังจากการพูดคุยกับกลุ่มเยาวชนอายุ 12 ถึง 17 ปีที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายค้ายาเสพติด ว่า แก๊งค้ายาเสพติดไม่ได้กระทำการที่มีลักษณะความรุนแรงหรือบังคับข่มเหงใช้แรงงานจากเด็กเหล่านั้น แต่ใช้วิธีการเช่าสถานที่เพื่อผลิตและจำหน่ายยาเสพติดจากเว็บไซต์แอร์บีเอ็นบี (Airbnb) และล่อลวงเด็ก ๆ ให้ทำงานให้ด้วยข้อเสนอที่ดึงดูดใจ 

“ถ้าพูดถึงเครือข่ายการค้ายาผู้คนทั่วไปคงจะนึกถึงคนติดยาเข็มฉีดยาบ้านเก่าๆ ที่ถูกทิ้งร้างไว้ แต่ในทางกลับกันแก๊งค้ายาเสพติดมีการจัดการที่ดีและมีข้อเสนอที่ทำให้เด็กและเยาวชนพึงพอใจซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวกว่าเดิมเพราะฉันคิดว่าคงเป็นการยากที่จะทำให้เด็กๆ เหล่านั้นเห็นถึงข้อเสียและถอนตัวออกมาจากเครือข่ายดังกล่าว” โทมัสกล่าว 

จากการเปิดเผยของกลุ่มเยาวชนข้างต้นระบุว่าพวกเขาจะแข่งกันเพื่อให้ไปถึงสถานที่ที่ได้ทำการเช่าผ่านเว็บไซต์แอร์บีเอ็นบีให้เร็วที่สุดในเวลา 9 โมงเช้า เพื่อที่จะได้รับมอบหมายงานซึ่งจะได้รับมอบหมายตามลำดับการมาถึงจากคนที่มาถึงก่อนไปจนถึงผู้ที่มาถึงหลังสุดหลังจากนั้นก็จะเริ่มลงมือปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย

ในช่วงกลางวันเด็กๆ จะได้พักรับประทานอาหารกลางวันฟรีซึ่งส่วนมากจะเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดจากร้านแมคโดนัลด์และมีเวลาให้เล่นวิดิโอเกมส์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันและเมื่อสัญญาเช่าสถานที่นั้นสิ้นสุดลงทุกคนจะทำความสะอาดสถานที่ทุกซอกทุกมุมเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยที่อาจจะนำไปสู่การจับกุมพวกเขาได้โดยแต่ละคนจะได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนเงินถึง 250 ปอนด์ (ราว 9,500 บาท) สำหรับการทำงานในหนึ่งวัน

การดำเนินการอย่างเป็นระบบและข้อเสนอที่ดึงดูดใจสร้างความยากลำบากและความท้าทายในการดำเนินการแก้ปัญหาของหน่วยงานสังคมสงเคราะห์และตำรวจเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่มีสถานที่ที่แน่นอนและชัดเจนในการติดตามรวมถึงเด็กและเยาวชนต่างไม่ให้ความร่วมมือในการเปิดเผยถึงรายละเอียดต่างๆ แก่ตำรวจ 

รูปแบบธุรกิจที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เครือข่ายค้ายาเสพติดมีกลยุทธ์และวิธีต่าง ๆ มากมายเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากทางการ โดยกลยุทธ์ที่เปิดเผยไปข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น 

อีวาน โจนส์ หัวหน้าฝ่ายบริการชุมชนจากองค์กร St Giles Trust ระบุว่าแก๊งค้ายาเสพติดบางแก๊งพยายามหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากทางรัฐ โดยไม่ให้เด็กนักเรียนที่อยู่ในเครือข่ายหยุดเรียน หรือไม่ไปโรงเรียนจนผิดสังเกต แต่ให้เด็กนักเรียนทำการขนส่งยาเสพติดในระหว่างไปโรงเรียนแทน เช่น ก่อนเข้าเรียน ช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน หรือช่วงหลังเลิกเรียน เป็นต้น 

นอกจากนี้ เครือข่ายค้ายาเสพติดยังใช้ประโยชน์จากเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการการศึกษาทางเลือกที่มีให้แก่นักเรียนที่ไม่สามารถไปโรงเรียนตามปกติได้ (โครงการ Pupil Referral Unit หรือ พีอาร์ยู) ซึ่งนักเรียนบางคนใช้ช่วงเวลาที่เรียกว่า “ช่วงพลบค่ำ” ที่โดยปกติจะต้องอยู่ที่พีอาร์ยูประมาณสองถึงสามชั่วโมงนั้น ออกไปส่งยาเสพติดตามเมืองต่าง ๆ แทน

อีกทั้งเครือข่ายค้ายาเสพติดยังพยายามหาเด็กและเยาวชนเข้ามาร่วมในเครือข่ายขึ้นเรื่อยๆโดยจะให้เงิน 200 ปอนด์ (ราว 7,600 บาท) แก่ผู้ที่สามารถพาเพื่อนมาทำงานและเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายได้และให้ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับผู้ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย คือ เครื่องมือการสรรหาคนมาร่วมเครือข่ายที่มีความสำคัญมากขึ้น โดยแก๊งค้ายาจะเผยแพร่รูปภาพวิถีชีวิตอันหรูหราและข้อความที่มักจะระบุถึงวิธีการหาเงินอันง่ายดาย เพื่อหลอกล่อให้เด็ก ๆ สนใจและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการฉ้อโกง หรือเครือข่ายที่ผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว 

เครก พิงค์นีย์ ผู้บรรยายเกี่ยวกับอาชญวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมกล่าวว่า พวกเราอยู่ในยุคของเทคโนโลยี ที่ซึ่งอาชญากรสามารถใช้แพลตฟอร์มของสื่อสังคมออนไลน์ต่าง เช่น สแนปแชท หรือ อินสตาแกรม เพื่อหลอกลวง และหาผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้องจากเยาวชน

พิงค์นีย์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเด็กที่ถูกหลอกลวงจะเป็นใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งมาก่อนหรือมีประวัติทางอาชญากรรมแต่สามารถถูกหลอกลวงได้โดยขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นความต้องการทางการเงินความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือแม้แต่ความต้องการสถานะทางสังคมบางอย่างก็ตาม 

ตัวอย่างข้อความที่มักพบเห็นกันในโซเชียลมีเดียโดยทั่วไปเช่นหากคุณมีบัญชีของธนาคารแห่งนี้คุณสามารถติดต่อมาเพื่อรับเช็คมูลค่า 10,000 ปอนด์ (ราว 380,000 บาท) เป็นของขวัญไปฟรีๆ  โดยไม่ต้องแจ้งกับกรมสรรพากร เป็นต้น ซึ่งเด็กและเยาวชนจำนวนมากหลงเชื่อ และไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการฉ้อโกง และอาจจะถูกดำเนินการทางกฎหมายได้ภายหลัง 

เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ที่ไม่ประสงค์ออกนามของอังกฤษเปิดเผยว่า ประเภทของเด็กที่ถูกดึงเข้าไปมีส่วนร่วมในเครือข่ายต่างๆ มีความเปลี่ยนแปลงไปโดยในปี 2016 เด็กและเยาวชนที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายค้ายาเสพติดนั้นมีปัญหาเปราะบางและต้องพึ่งพาหน่วยงานสังคมสงเคราะห์เพื่อแก้ปัญหา แต่ในปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากไม่รู้ว่ามีบริการทางสังคมเหล่านี้อยู่ 

ชาร์ลี โทมัส ได้แสดงความคิดเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะติดตามและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ทันท่วงทีแต่ทางออกของปัญหาคือการทำให้เยาวชนเข้าใจว่าการมีชีวิตที่หรูหราและน่าหลงใหลโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย บ่อยครั้งมักจะจบลงด้วยการถูกจำคุกหรืออาจจะมีอันตรายถึงชีวิตและควรชี้ให้เห็นว่าในชีวิตยังมีทางเลือกอื่นที่เป็นไปได้นอกจากการเข้าร่วมเครือข่ายต่างๆ ที่ผิดกฎหมายต่างๆ 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า