การจากไปของ ‘ยามีล’ ลูกพะยูนวัย 3 เดือน นับเป็นการจากไปของพะยูนไทยตัวที่ 17 ในรอบปี มากที่สุดเมื่อเทียบกับสถิติการเกยตื้นช่วง 12 ปีที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ระบุสาเหตุการเกยตื้นของพะยูนว่า เกิดจากอาการป่วยหรืออ่อนแอตามธรรมชาติและติดเครื่องมือประมง
ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ‘ยามีล’ ลูกพะยูนน้อยมาเกยตื้นที่หาดบ่อม่วง จ.กระบี่ หลังจาก ‘มาเรียม’ ประมาณ 2 เดือน
ขณะที่ ‘มาเรียม’ ถูกอนุบาลในธรรมชาติโดยทีมสัตวแพทย์ อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ ทช. และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ อยู่บริเวณเกาะลิบง จ.ตรัง จนกลายเป็น ‘เจ้าหนูขี้เซา’ ขวัญใจชาวไทยหลายๆ คน ‘ยามีล’ ซึ่งยังเด็กและอ่อนแอกว่า ได้รับการอนุบาลในบ่อที่ศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต
แม้ว่าทุกๆ ฝ่ายจะทุ่มเทกำลังและองค์ความรู้เพื่อดูแลพะยูนน้อยอย่างเต็มที่แล้ว แต่การช่วยเหลือลูกพะยูนกำพร้าแม่ให้รอดชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สุดท้ายทั้ง ‘มาเรียม’ และ ‘ยามีล’ ก็จากไปอย่างสงบ
โดยสาเหตุการตายของ ‘มาเรียม’ นั้น คือเศษพลาสติกที่เข้าไปอุดตันลำไส้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือดตามมา จน ‘มาเรียม’ เกิดอาการช็อกในที่สุด
ส่วน ‘ยามีล’ จากไปเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ทีมสัตวแพทย์พยายามผ่าตัดเอาก้อนหญ้าทะเลซึ่งอุดตันบริเวณกระเพาะอาหารของน้องออก แต่ระหว่างการพักฟื้น ‘ยามีล’ ช็อก หัวใจหยุดเต้นแล้วจากไปอีกตัว
คนไทยจำนวนไม่น้อยเศร้าเสียใจกับการตายของ ‘มาเรียม’ และ ‘ยามีล’ แต่อีกประเด็นหนึ่งที่สังคมหันมาให้ความสำคัญคือ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของพะยูนน้อยทั้งสอง? เกิดความผิดปกติอะไรขึ้นกับทะเล บ้านของพะยูนไทยหรือไม่? เป็นคำถามที่สังคมยังคงต้องช่วยกันหาคำตอบและแก้ไขต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยเหลือพะยูนอยู่ประมาณ 250 ตัว โดยในปี 2562 มีพะยูนเกยตื้นและตายแล้วกว่า 17 ตัว (เพียงแค่ 8 เดือน) เฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคมมีพะยูนเกยตื้นติดๆ กันถึง 5 ตัวในเดือนเดียว หากเทียบกับสถิติช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ก็นับว่าปีนี้มีพะยูนเกยตื้นและตายมากที่สุด
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานประจำปี 2561 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุถึงสาเหตุการเกยตื้นของพะยูนว่า เกิดจากอาการป่วยหรืออ่อนแอตามธรรมชาติและติดเครื่องมือประมง