“บิ๊กตู่” แนะทุกฝ่ายปรับตัวสู้ “โรงงานปิดกิจการ” อย่าเหมารวมปัญหาเศรษฐกิจ

นายกฯ ประยุทธ์ ชี้ “โรงงานปิดกิจการ” อย่าเหมารวมเป็นปัญหาเศรษฐกิจ แนะทุกฝ่ายปรับตัว ชี้ช่อง “คนงานที่ถูกเลิกจ้าง” หมุนเวียนไปโรงงานเปิดใหม่ที่มีมากขึ้น 3 เท่าสวนทางยอดปิดโรงงานเพียง 1,480 แห่ง (ชมคลิป)

https://www.youtube.com/watch?v=x9PI64LlmNA&feature=youtu.be

วันที่ 24 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องเศรษฐกิจถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ถ้าทำให้ความรู้สึกโดยรวม รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ดีๆ มากๆ บางทีก็เกินเลยไปหน่อย ถ้าเราสร้างความมั่นใจว่า เรายังคงไปได้อยู่อาจจะน้อยบ้างอาจชะลอตัวบ้าง ถ้าทุกคนช่วยกัน ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนไปบ้าง

เช่นปลายปีนี้รัฐบาลได้ทดลองนำร่องเปิดถนนคนเดินทั่วประเทศ 2 ครั้งที่ผ่านมาตนก็ไปร่วมพิธีเปิดด้วย เชื่อว่าการกระตุ้นการจับจ่ายในระยะสั้นน่าจะให้เศรษฐกิจระดับฐานรากหมุนเวียนได้ดีขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา และหากว่าเมื่อภาครัฐมีงบประมาณเติมลงมาในระบบ ถ้าพ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2563 ผ่านสภา ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ อยากฝากให้ผู้ประกอบการทุกคนปรับเปลี่ยนสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค วันนี้พฤติกรรมการใช้จ่ายของคนเปลี่ยนไปมาก มีทางเลือกมากขึ้นมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น โดยเฉพาะการค้าขายออนไลน์ที่สามารถคืนสินค้าได้ทำให้การค้าขายในระบบการค้าปลีกอาจจะได้รับผลกระทบมากพอสมควร ต้องย้อนกลับไปดูว่าแล้วจะผลิตสินค้าอย่างไรที่จะแข่งขันได้ หากผลิตสินค้าเดิมๆ ก็จะเป็นปัญหาได้ในอนาคต

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการปิดกิจการของโรงงานและบริษัทต่างๆ ว่า ทุกคนนั้นต้องช่วยกันด้วยความเข้าใจ บังคับไม่ได้อยู่ที่ความสมัครใจ ทุกคนที่ต้องการจะมีรายได้ดีขึ้นต้องปรับเปลี่ยนกันบ้าง ไม่ว่าจะผู้บริโภคหรือผู้ผลิตต้องช่วยกัน เพราะกระเทือนถึงปัญหาเศรษฐกิจธุรกิจปิดตัว ปลดพนักงาน ธุรกิจปิดตัว เรามีมาตรการรองรับหลายอย่าง และไม่อยากให้เหมารวมว่าเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจทั้งหมด ถ้าตรวจสอบดูหลายโรงงานเขาสมัครใจในการปิดเพราะสู้ต้นทุนไม่ไหว หรือสินค้าพัฒนาไม่ได้ จำเป็นต้องปิด แต่มีการเปิดโรงงานใหม่ๆ มากขึ้น 3 เท่า มีการจ้างงานใหม่ 178,733 คน มูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นแสนล้านบาท ส่วนโรงงานปิดตัว 1,480 โรงงาน

“แรงงานหมุนเวียนไปที่โรงงานอื่นๆ ได้ แต่จะต้องการมีการพัฒนาหรือเปล่า เป็นเรื่องที่ทุกคนๆ ต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนตัวเองด้วย โดยเฉพาะแรงงานที่มีฝีมือเพื่อให้มีรายได้มากยิ่งขึ้น”

“มีอย่างนี้มาทุกปีมากบ้างน้อยบ้าง เพราะหลายโรงงานไม่สามารถจะปรับเปลี่ยนตัวเองได้ ตัวเลขการจ้างงาน มากกว่าการที่ตกงาน คนที่ตกงานก็ต้องไปหางานใหม่ เป็นเรื่องธรรมดาของโลกในปัจจุบัน”

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวเสริมว่า ตนเห็นสินค้าที่ขายใน walking street (ถนนคนเดินทั่วประเทศ) มีทั้งขายดี ขายไม่ดี ขายดีมากบางคนก็ได้เป็นล้านบาทเพียงแค่คืนเดียว เพราะมีการสั่งซื้อต่อ สินค้าบางร้านที่ไปเดินดูกก็เห็นใจว่าไม่น่าจะขายได้ เพราะสินค้ายังเป็นเดิมๆ สินค้าตั้งแต่สมัยตนยังเด็ก ก็ต้องปรับเปลี่ยน โรงงานเหล่านี้ถึงอยู่ไม่ได้ ซื้อออนไลน์ได้มากขึ้น เลือกสินค้าได้โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ร้าน ต้องเร่งพัฒนาสินค้าให้น่าสนใจ วันนี้ก็เห็นผลกระทบจากมาตรการลดใช้ถุงพลาสติก ซึ่งได้รับความร่วมมือมาก โดยผู้ผลิตถุงพลาสติกจะปรับเปลี่ยนไปทำรีไซเคิล

ออกสลาก 1.8 หมื่นล้านทำโครงการแจกหมอนยางพาราประชารัฐแค่แนวคิด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวคิดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะให้กระทรวงการคลังออกสลากการกุศลวงเงิน 18,000 ล้านบาท เพื่อให้องค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ใช้ทำโครงการผลิตหมอนยางพาราประชารัฐ 30 ล้านใบ เพื่อช่วยเหลือราคายางให้กับผู้ปลูกว่า

“หมอนยางพารายังไม่มีข้อยุติอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่คิดเฉยๆ ถ้าคิดแล้วมันผิดก็ไม่ต้องไปทำเท่านั้นเอง ต้องไปดูราคามันแพงหรือเปล่า คุ้มค่าหรือไม่ ช่วยแก้ปัญหาราคายางพาราหรือไม่ แค่เขาคิดมายังไม่เสนออะไรให้ผมทราบ ผมเห็นในสื่อ ก็ได้บอกในที่ประชุมไปแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แบงก์ชาติไม่ปลื้มคาดศก.ปีหน้าโต 2.8% แนะปฏิรูปโครงสร้าง