Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ยิ่งวันเวลาเดินหน้า โอกาสในการก้าวแซงไทยของ ‘เวียดนาม’ ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกที เมื่อไม่นานมานี้ TODAYBizview ได้พูดคุยกับ ‘ดร.พิสิฐ อำนวยเงินตรา’ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวียดนามศึกษาอีกครั้งถึงโอกาสที่ ‘เวียดนาม’ จะเดินนำหน้าแซงไทย และก็ค่อนข้างชวนให้ตกใจและฉุกให้เราต้องย้อนกลับมามองสถานการณ์ปัจจุบันของไทยอีกครั้ง เมื่อ ดร.พิสิฐ ยืนยันว่า เวียดนามมีโอกาสจะแซงไทยในอีก 15-20 ปี

[ ทำไมถึงต้อง 15-20 ปี ]

แม้ว่าถ้าหากเรามาย้อนดูขนาดเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในปัจจุบันเทียบกันแล้ว จะเห็นว่าขนาดเศรษฐกิจของไทยและเวียดนามยังคงห่างกันมาก

– ขนาดเศรษฐกิจไทย 5 แสนล้านดอลลาร์แล้ว ขนาดเศรษฐกิจเวียดนามเล็กกว่าเกือบเท่ามีขนาด 3.5 แสนดอลลาร์เท่านั้น 

– รายได้ต่อหัวของประชากรไทย 7 พันดอลลาร์ต่อคนต่อปี ของเวียดนาม 2.7 พันดอลลาร์ต่อคนต่อปี

ทำให้เวียดนามจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่จึงจะสามารถขยับขนาดเศรษฐกิจและรายได้ประชากรขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับไทยได้ แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ‘การส่งออก’ และ ‘การลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ’ ของเวียดนามนั้นแซงไทยไปแล้ว

ตั้งแต่ปี 2019 หรือ 2 ปีที่แล้ว ตัวเลขการส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีขนาดใหญ่กว่าไทยไปแล้วและก็น่าจะขยับแซงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ เป็นเพราะการลงทุนจากนอกประเทศ (FDI) ของเวียดนามใหญ่กว่าไทยประมาณ 3-4 เท่า 

ก่อนโควิดมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนามประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว ดังนั้น ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวเลขการส่งออกและ FDI เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เวียดนามจะยังทิ้งห่างเราในตรงนี้ออกไปเรื่อยๆ

ย้อนกลับไป 10 ปีที่ผ่านมา GDP ไทยขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2-3% ต่อปี ขณะที่เวียดนามขยายตัว 6-7% ต่อปี ทำให้หลายสำนักคาดการณ์ว่าถ้าตัวเลขยังเป็นเช่นนี้ประมาณ 15 ถึง 20 ปีเวียดนามมีโอกาสแซงหน้าไทย

แม้ในระยะสั้น 5-10 ปีเวียดนามจะยังแซงไทยไม่ทัน โดยในระยะสั้น 5 ปีนี้ รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าขยับรายได้ประชากรจะเป็น 5 พันดอลลาร์ ซึ่งยังน้อยกว่ารายได้ต่อหัวของประเทศไทย แต่ในระยะกลางและระยะยาวมีโอกาส

[ อะไรทำให้เวียดนามเติบโตเร็ว ]

‘ดร.พิสิฐ’ เล่าว่า จริงๆ แล้วปัจจัยที่ทำให้เวียดนามสามารถเร่งความเร็วในการเติบโตมี 4 มิติหลักๆ 

1) การเมือง เพราะเวียดนามปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ทำให้ระบบการเมืองมีเสถียรภาพ การกำหนดนโยบายมีความต่อเนื่อง จึงเห็นได้ว่าตัวเลขการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของเวียดนามโตอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องตามแผนระยะยาวที่ถูกวางเอาไว้

2) เศรษฐกิจ และ 3) การต่างประเทศ ที่ผ่านมาเวียดนามเร่งสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยางต่อเนื่อง รวมถึงระดมกำลังเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศ จึงทำให้เวียดนามได้รับประโยชน์จากข้อตกลงเหล่านี้

4) สังคม เพราะเวียดนามมีทรัพยากรมนุษย์อย่างหนาแน่น มีประชากรกว่า 98.6 ล้านคนและกำลังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์มากที่สุด โดยมีประชากรวัยสูงอายุแค่ 10% เท่านั้น 

นอกจากนั้น ประชากรเวียดนามยังมีความมุ่งมั่น ขยัน ใฝ่รู้ มีผลการสอบระดับโลกที่ดี และเวียดนามยังเป็นลูกครึ่งในมิติทางวัฒนธรรม ครึ่งอาเซียนครึ่งเอเชียตะวันออก ทำให้ ดร.พิสิฐ เชื่อว่าเวียดนามจะใช้ความขยันมุ่งมั่นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งให้เวียดนามประสบความสำเร็จตามรอยจีน เกาหลี ญี่ปุ่น

[ เวียดนาม = ไทยก่อนต้มยำกุ้ง ]

แม้ว่ามิติทางด้านการเมืองอาจจะเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะใช้คนละระบอบการปกครอง แต่จริงๆ แล้วไทยเองก็สามารถใช้จุดแข็งของระบอบประชาธิปไตยอย่างการตรวจสอบถ่วงดุล เกิดเสรีภาพในการแสดงออก ได้ผู้นำที่เก่งมีความสร้างสรรค์ และมีวัตถุดิบที่ดี

จากทั้ง 4 มิติจะเห็นว่าแม้สภาพสังคมไทยปัจจุบันกับเวียดนามจะไม่เหมือนกับสักทีเดียว แต่สิ่งต่างๆ ที่เวียดนามเป็นอยู่ตอนนี้เคยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยมาแล้ว ไทยเคยเป็นประเทศที่เนื้อหอมในสายตานักลงทุน เนื่องจากค่าแรงถูก ประชากรเยอะ หรือจะบอกว่า ‘เวียดนาม = ไทยก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง’ ก็ว่าได้

ดังนั้น สิ่งที่หลายคนจับตา คือ เวียดนามจะรุกเข้าคว้าความสำเร็จ เปลี่ยนตัวเองจากประเทศรับจ้างเป็นฐานการผลิต กลายเป็นเจ้าของเทคโนโลยีได้หรือไม่ หลังจากไทยไม่ประสบความสำเร็จในการมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง

[ เป้าหมายไม่ใช่รับจ้างผลิตตลอดไป ]

‘ดร.พิสิฐ’ เล่าว่า เวียดนามเรียนรู้จากประเทศไทยมาตลอด เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างในการพัฒนาประเทศ ทำให้เวียดนามบังคับต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศว่าจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเวียดนามด้วย เพราะไม่อยากเป็นประเทศรับจ้างผลิตอย่างเดียว เวียดนามมีความฝันว่าประเทศจะสามารถพัฒนาตามรอยเกาหลีใต้ สามารถพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง มีรถยนต์ มีแอปพลิเคชันใช้เองและส่งออกได้

ทำให้ปัจจุบัน VinGroup ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า VinFast สามารถผลักดันยอดขายขึ้นสู่อันดับ 1 ในเวียดนามเหนือกว่าฮุนไดกับโตโยต้าได้ และมีเป้าหมายที่จะเริ่มส่งออกสินค้าไปขายในพื้นที่อื่นๆ หรือแอปพลิเคชัน Zalo สำหรับใช้สื่อสารพื้นฐานที่เป็นแอปพลิเคชันสื่อสารพื้นฐานของเวียดนามและมีผู้ใช้กว่า 80 ล้านคน 

สาเหตุที่ทั้ง VinFast และ Zalo ประสบความสำเร็จในประเทศได้ก็เป็นเพราะการสนับสนุนของรัฐบาลเวียดนามในการกำหนดให้ราชการสั่งซื้อรถสัญชาติเวียดนามและการสนับสนุนให้คนเวียดนามใช้เทคโนโลยีที่ผลิตภายในประเทศ

[ ไทยไม่ได้เนื้อหอมดึงดูดนักลงทุนอีกต่อไป ]

ปกติเวลานักลงทุนต่างชาติจะเลือกฐานการผลิตหรือย้ายฐานการผลิตจะมีสิ่งที่ใช้พิจารณาอยู่ 3-4 ข้อ คือ มีประชากรเยอะหรือไม่ ตลาดมีโอกาสเติบโตไหม ค่าแรงมีราคาถูกรึเปล่า รวมถึงมีข้อตกลงทางการค้าที่เอื้อต่อการส่งออกหรือไม่ ทำให้บริษัทผู้ผลิตได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ถ้ามีครบทุกข้อก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลังเลในการย้ายฐานการผลิต

สำหรับประเทศไทยและเวียดนามตอนนี้ คือ เวียดนามมีประชากรมากกว่าและยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว มีโอกาสการเติบโตของตลาดมากกว่าตามไปด้วย รวมถึงมีค่าแรงที่ถูกกว่าและข้อตกลงการค้าที่ไทยไม่มี

ถ้าหากไทยอยากจะกลับมาเนื้อหอมในสายตาต่างชาติ ไทยจะต้องหาจุดเด่นให้เจอว่าจะมุ่งหน้า ‘เป็น’ อะไรกันแน่ ขณะที่เวียดนามมีเป้าหมายจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ไทยจะเลือกเติบโตไปทางด้านไหนต่อจากนี้

ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรรม หรืออุตสาหกรรม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ไทยเหนือกว่าเวียดนามและยากที่จะตามทัน

นอกจากนั้น สิ่งแวดล้อมในการลงทุนของไทยโดยรวมยังเหนือกว่าเวียดนาม แต่ไทยจำเป็นต้องเร่งปรับระบบราชการให้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้น ในเวียดนามเองก็ให้แต่จังหวัดแข่งขันกันดึงดูดนักลงทุน เพื่อพัฒนาระบบอำนวยความสะดวก

[ เสนอมองมุมต่าง เติบโตไปพร้อมกัน ]

‘ดร.พิสิฐ’ เสนอให้เราลองมองมุมต่าง เพราะตลาดส่งออกไทยและเวียดนามไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว จึงมีความเป็นไปได้ที่ไทยจะเติบโตไปพร้อมกับเวียดนาม ขยับไปลงทุนและส่งออกไปเวียดนามให้มากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจเวียดนามโต แน่นอนก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ปัจจุบันไทยและเวียดนามก็เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กันอยู่แล้ว มีความสัมพันธ์ในทุกมิติทุกระดับ เป็นเพื่อนและคู่แข่งในเวลาเดียวกัน

นอกจาก การเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และต่อยอดการศึกษา รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวและศูนย์กลางทางการแพทย์แล้ว การขยายขอบเขตการลงทุนที่มีศักยภาพอยู่แล้วไปในเวียดนามก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

“เราต้องไม่ประมาทเวียดนาม เราจะเห็นคนที่ชอบเปรียบเทียบไทยกับเวียดนาม หลายคนบอกเรายังไม่แพ้เพราะเหตุผลต่างๆ ซึ่งไม่ควรมองแบบนั้น ถ้าเราจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง เราต้องพยายามปิดจุดอ่อนของเรา ต้องไม่ประมาท ถ้าเศรษฐกิจเวียดนามโตแบบนี้แล้วเราโตแบบนี้ เขาไม่มีทางแซงเรา แต่ถ้าย้อนกลับไปก่อนโควิดที่เขาโต 7% เราโตต่ำกว่า 3% แน่นอนว่าใน 20 ปี เขาแซงเราแน่นอน” ดร.พิสิฐกล่าว

รับชมบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มรายการ TOMORROW  : https://youtu.be/ZL-NGYhzxZY 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า