SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 23 ก.ย.62 ที่ห้องประชุมกรุงเทพ 1 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กรุงเทพฯ หรือ ยูเนสโก  เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG4) ทั้งในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก พร้อมจับมือ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย ยูเนสโก องค์การยูนิเซฟ และองค์การช่วยเหลือเด็ก จัดการประชุมวิชาการนานาชาติเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาปวงชนเพื่อการศึกษา All for Education ระดับภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกในปี 2563 ในโอกาสครบรอบ 30 ปี ปฏิญญาจอมเทียน เพื่อช่วยกันวางยุทธศาสตร์นับถอยหลัง 10 ปีสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกด้านการศึกษา ให้สำเร็จภายในปี 2030

นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า กสศ.และยูเนสโกจะร่วมดำเนินโครงการทั้งด้านวิชาการ และการสร้างความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายระดับชาติและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อขจัดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นเจตนารมย์ของผู้นำเกือบ 200 ประเทศที่ต้องการให้เด็กเยาวชนทุกคนเข้าถึงและสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาได้ 100 % และเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเพื่อการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน

อย่างไรก็ตาม แม้ข้อมูลสถิติจากสถาบันสถิติแห่งยูเนสโก (UIS) แสดงให้เห็นแนวโน้มความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในระดับนานาชาติที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จำนวนเด็กนอกระบบการศึกษา(ระดับประถมศึกษา) ทั่วโลกที่เคยมีจำนวนมากกว่า 100 ล้านคน เมื่อปี 1990 ลดลงเหลือราว 63 ล้านคนในปี 2017 หรือลดลงเกือบร้อยละ 40 แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนเด็กนอกระบบการศึกษาทั่วโลกมีอัตราที่ลดลงน้อยมาก แสดงให้เห็นว่าความก้าวหน้าในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาในทศวรรษที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลง กลุ่มเป้าหมาย 5-10% สุดท้ายยังเข้าไม่ถึงโอกาสทางการศึกษา หรือต้องออกจากการเรียนกลางคัน เพราะปัญหาสภาพเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ ฯลฯ ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ ตัวเลขเด็กนอกระบบการศึกษาเริ่มกลับมามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นระหว่างปี 2016-2017 อีกครั้ง

สำหรับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา กลไกภาครัฐแต่ลำพัง ไม่สามารถจัดการให้หมดไปได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยแนวคิดปวงชนเพื่อการศึกษาหรือ All for Education ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ ช่วยกันออกแบบหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน และหนึ่งในแนวทางที่เป็นวาระซึ่งทั่วโลกกำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง คือการปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ Area Base Education Reform (ABE) ที่ใช้กระบวนการทำงานเชิงพื้นที่ระดมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการลดความเหลื่อมล้ำ สำหรับประเทศไทย กสศ.สนับสนุนให้เกิดขึ้นแล้วใน 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ขอนแก่น มหาสารคาม สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครราชสีมา กาญจนบุรี นครนายก ระยอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา และ สงขลา  เบื้องต้นใช้ยุทธศาสตร์ 2 มาตรการคู่ขนานกันอย่างเป็นระบบ เป็นวงจรการแก้ปัญหาเชิงระบบที่ยั่งยืนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบ iSEE เข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย  คือ

1.มาตราการป้องกัน (OOSCY Prevention) ไม่ให้หลุดออกนอกระบบการศึกษาด้วยโครงการเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข (CCT) ปัจจุบันกสศ.ช่วยขจัดอุปสรรคในการมาเรียนให้เด็กกลุ่มนี้ทั่วประเทศราว 700,000 คน และทุนการศึกษาสายอาชีพสำหรับนักเรียนยากจนจำนวน 2,500 ทุนต่อปี

2.มาตรการแก้ไขเร่งด่วน (OOSCY Correction) โดยกสศ. ร่วมกัน 20 จังหวัด ระดมความร่วมมือหลายภาคส่วนสร้างกลไกช่วยเหลือเด็กนอกระบบการศึกษา เพื่อค้นหา ส่งต่อให้เด็กส่วนใหญ่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือฝึกทักษะด้านการศึกษาและอาชีพ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่พร้อมคืนสู่ระบบการศึกษา ก็จะเข้าสู่กระบวนการเยียวยา/ ฟื้นฟูจากทีมสหวิชาชีพต่อไป เบื้องต้นในปี 2562 กสศ.สามารถช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ทันที 5,000 คน จากจำนวนเด็กเยาวชนอายุนอกระบบการศึกษา 670,000 คน (3-17 ปี) ทั่วประเทศ

นายชิเงรุ อาโอยากิ ผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ได้แสดงความเป็นผู้นำในภูมิภาพเอเชียแปซิฟิกเรื่องความเสมอภาคทางการศึกษาด้วยการจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อช่วยเหลือเด็กเยาวชนด้อยโอกาสทั้งในและนอกระบบการศึกษา เป็นการสานต่อความเป็นผู้นำของไทยในเอเชียเรื่องการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การประชุมระดับโลกด้านการศึกษาเพื่อปวงชน ที่หาดจอมเทียนจนเป็นที่มาของปฏิญญาจอมเทียน ยูเนสโกประทับใจและชื่นชมความมุ่งมั่นทำงานของไทยในการทำให้การศึกษาเป็นสิ่งเสมอภาคสำหรับทุกคน และหวังให้ประเทศในเอเชียรวมถึงประเทศอื่นๆในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเรียนรู้และเอาไทยเป็นแบบอย่างในการริเริ่มดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านการศึกษา ยูเนสโกเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นผู้นำด้านความเสมอภาคทางการศึกษา และเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2030 ต่อไป

โดย การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในครั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนให้เกิดการศึกษาที่เท่าเที่ยมเด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้ นอกจากนั้นยังได้ร่วมมือกันสร้างเครือข่ายในระดับนานาชาติ รวมถึงการริเริ่มโครงการนำร่องในจังหวัดภูเก็ต ยะลา สงขลา และกาญจนบุรี ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆที่มีปัญหาขาดโอกาสได้เข้าถึงทางการศึกษา เข้ามาสู่ระบบ และจะมีการจัดทำคู่มือทั้งภาษาไทย ภาษาพม่า และภาษามาเลย์ เพื่อความเข้าใจที่มีมากขึ้น ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายกระทรวงไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการทำงาน

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า