
ณฐิณี เจียรกุล นักวิชาการศึกษาปฐมวัย และ ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน เล่าว่า ห้องเรียนอนุบาลมีความแตกต่างจากห้องเรียนของระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา หรือห้องเรียนระดับมหาวิทยาลัย ห้องเรียนอนุบาลเรามีธรรมชาติของการอยู่ร่วมกันระหว่างครูและเด็ก แม้ว่าเด็กรุ่นนี้จะเติบโตมากับโควิด-19 เราอาจเจอเด็กบางคนที่ชินกับการใส่หน้ากาก ล้างมือตลอดเวลา เวลาเราขอให้เขาเล่นอะไรที่ต้องเลอะ เขาก็จะระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ เขาเรียนรู้ว่าเชื้อโรคมันมาตามมือ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิด แต่สำหรับเด็กในวัยนี้เขาควรจะได้เล่นเลอะบ้าง เพื่อส่งเสริมพัฒนาการ ครูปฐมวัยเลยต้องรับมือพอสมควรกับเรื่องนี้ในการที่จะอธิบายให้เขาฟัง
“เด็กบางคนก็ยังไม่ชินกับการใส่หน้ากาก ก็จะรู้สึกว่าทำไมต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาพอเอาไปใส่เขาก็จะถอดออกปัดออก ก็เป็นงานอีกงานหนึ่งของครูอนุบาล ว่าจะทำอย่างไรให้เด็กใส่หน้ากากตลอดเวลาได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและของเพื่อนร่วมชั้น เด็กๆ ที่รู้สึกว่าหน้ากากเป็นภาระของเขา เขาก็จะเอาหน้ากากไปไว้ข้างหลัง บนศีรษะ เอาไปทำเป็นผ้าเช็ดโต๊ะ ซึ่งมันเป็นตามช่วงวัยของเด็กๆ แล้วยิ่งถ้าหน้ากากของเด็ก ถูกถอดออกมาพร้อมกัน ครูก็ต้องหยิบใส่ซองเพื่อที่จะไม่ให้ปะปนกัน ซึ่งมันจะดูยากมากถ้าไม่ได้ติดป้ายชื่อไว้ ทำให้ค่อนข้างจะมีความยากลำบากในการจัดการ นี่แค่ส่วนของหน้ากากนะแต่ก็จะมีส่วนอื่นทั้งในส่วนของการดูแลเด็กๆ ด้วย”
นโยบายการศึกษา ควรคำนึงถึงบริบทของเด็กความพร้อมครู โรงเรียน ครอบครัว ที่ไม่ใช่นโยบายแบบ One Size Fits All ที่ทำออกมาแล้วสามารถใช้ได้เหมือนกัน แน่นอนว่าในภาพรวมต้องมีนโยบายที่เหมือนกัน แต่ในแง่ปฏิบัตินโยบายควรจะวางแผนหรือคำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกัน เพราะว่าแต่ละโรงเรียนครูอาจจะไม่พร้อมในการจัดการเรียนการสอนแบบเดียวกัน หรือบริบทของครอบครัว ทุกครอบครัวไม่พร้อมที่จะจัดการเรียนการสอนในแบบเดียวกัน
“เวลาทำงานกับเด็กปฐมวัยเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งภาครัฐมีนโยบายส่วนนี้ แต่เวลาที่นำมาใช้ในห้องเรียนก็จะมีผลต่อการปฏิบัติงาน เช่น การสัมผัสตัวเด็กได้มากน้อยแค่ไหน จะช่วยเหลือเขาได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งเขาจะต้องอ่านปากผู้ใหญ่เวลาที่มีคนปฏิสัมพันธ์กับเขา เด็กไม่ได้ยินแค่เสียง แต่ว่าต้องดูปากด้วย เพื่อที่เขาจะได้หัดพูดหัดออกเสียง แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หายไปเพราะว่าเราต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา”
ลูก ต้องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ ต้อง Work From Home
บางโรงเรียนต้องทำการเรียนการสอนออนไลน์เต็มรูปแบบ คือ เก็บให้ครบทุกอย่างตามที่วางแผนไว้ กับบางโรงเรียนที่ก็อะลุ่มอล่วยและมีนโยบายยืดหยุ่นให้ มีผลต่อการทำงานของครูเพราะผู้ปกครองของไม่พร้อม ผู้ปกครองเองก็ต้อง Work from home ไม่รวมถึงพัฒนาการของเด็กปฐมวัยที่เรายังไม่อยากให้เขาใช้หน้าจอเยอะ
“เราคิดว่านโยบายเหล่านี้ควรออกมาจากประสบการณ์จริงของครู ซึ่งครูพร้อมจะให้ข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว จะสามารถย้อนกลับไปใช้เป็นนโยบายที่ใช้งานจริงได้ สิ่งที่ครูปฐมวัยสอนอยู่ในห้องเรียนไม่ใช่สอนแค่เนื้อหา ความรู้ สิ่งที่เขาสอนคือทักษะ บางครั้งมันทดแทนด้วยออนไลน์ไม่ได้ ถามว่าจะต้องทำอย่างไร ทำโดยการดึงคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในบ้าน เข้ามาเป็นหุ้นส่วนให้มากขึ้น ทำอย่างไรให้ภาครัฐเข้ามาช่วยให้สองส่วนนี้ทำงานร่วมกันอย่างมีคุณภาพมากขึ้น”
ความปลอดภัย เด็ก ครู ครอบครัว 4 ส่วนที่คนออกนโยบายต้องพิจารณา ถ้าเราดูความปลอดภัยเป็นหลักแล้วลืมอีก 3 ส่วน ผู้ที่ปฏิบัติจริงจะไม่สามารถทำงานได้ ขณะที่ถ้าเราดูความพร้อมของเด็กเป็นหลัก แต่ไม่ได้ดูความพร้อมของครอบครัวเลย แปลว่าพ่อแม่ต้องอุทิศทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริงพ่อแม่ต้องดูเรื่องของเศรษฐกิจ ครอบครัว เรื่องของภาระความรับผิดชอบต่างๆ ด้วย ถ้าเราดูแค่ความพร้อมของครู ครูพร้อมสอนแต่เด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ไม่พร้อมเลยก็จะลำบาก เพราะฉะนั้นทั้ง 4 ส่วนนี้ จึงเป็นองค์ประกอบที่การออกนโยบายต่างๆจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึง