กรมอนามัย เพิ่มอีก 7 มาตรการให้โรงเรียนเปิดได้ทุกพื้นที่ ครู บุคลากรต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 85%

กรมอนามัย เพิ่มอีก 7 มาตรการสำหรับโรงเรียนไป-กลับ เข้มรับการเปิดเทอมในทุกพื้นที่ พร้อมมาตรการเข้มข้นป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษาในแต่ละจังหวัดแบ่งตามโซนสีของ ศบค.

วันที่ 14 ก.ย. 2564 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า มาตรการ Sandbox ในโรงเรียน : sandbox safety zone in school ซึ่งจะเป็นแนวทางโรงเรียนที่มีความพร้อมเปิดเรียนได้ตามปกติ และมีการเพิ่มมาตรการเสริมอีก 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา (โรงเรียนไป-กลับ) ป้องกันโควิด-19

1.สถานศึกษาประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop Service Plus และรายงานการติดตามประเมินผลผ่าน MOECOVID

2.ทำกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบ Small Bubble

3.จัดระบบการให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ

4.จัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน คือ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาดคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และการจัดการขยะ

5.จัดให้มี School Isolation แผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อมอย่างเคร่งครัดหากพบผู้ติดเชื้อ

6.ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน รถส่วนบุคคล และพาหนะโดยสาธารณะ (สำหรับโรงเรียนไป-กลับ)

7.จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครูและบุคลากรในสถานศึกษา โดยเป็นข้อมูลผลการประเมินผ่าน Thai Save Thai ผลการตรวจ ATK ภายใน 7 วัน ประวัติการรับวัคซีน ตามมาตรการ ศธ. และ สธ. เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเมื่อเข้า – ออกโรงเรียน

ขณะที่พื้นที่การเฝ้าระวังต่างๆ ที่ศบค. ได้แบ่งระดับสีจะต้องเข้มมาตรการ DMHT-RC และมาตรการเสริม รวมถึงเพิ่มไปอีก 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษาโดยเฉพาะ

จังหวัดที่มีพื้นสีเขียว ครู บุคลากรต้องได้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 85% และประเมินความเสี่ยงทุก 1 ต่ออาทิตย์

จังหวัดพื้นที่สีเหลือง ต้องสุ่มตรวจ ATK 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ ครู บุคลากรต้องได้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 85% และประเมินความเสี่ยงทุก 1 ต่ออาทิตย์

จังหวัดพื้นที่สีส้ม เน้นประเมินความเสี่ยงตามระบบ Thai Save Thai 2 วันต่อสัปดาห์ ตรวจ ATK 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ ครูและบุคลากรต้องฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 85%

จังหวัดพื้นที่สีแดงและสีแดงเข้ม ต้องประเมินความเสี่ยง Thai Save Thai ทุกวัน รวมถึงสถานประกอบกิจการ กิจกรรม รอบรั้วสถานศึกษาในระยะ 10 เมตร ต้องผ่านการประเมิน Thai Stop Covid Plus และ Covid free setting สำหรับนักเรียนครูบุคลากร ต้องมีข้อมูลผลการประเมินความเสี่ยง ผลการตรวจ ATK หรือประวัติการได้รับวัคซีน หรือประวัติที่เคยติดเชื้อมาก่อนช่วง 1-3 เดือน ติดตัวอยู่เสมอ

 การติดเชื้อ-เสียชีวิต จากโควิดในกลุ่มวัยเรียน – วัยรุ่น

สถานการณ์โควิด-19 ในกลุ่มเด็กวัยเรียน วัยรุ่น ที่อยู่ในช่วงอายุ 6-18 ปี ข้อมูลตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เม.ย. – 11 ก.ย. 2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 129,165 ราย จำนวนนี้เป็นคนไทย 90% และชาวต่างชาติ 10% ผู้เสียชีวิตสะสม 15 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว โดยจังหวัดที่พบการติดเชื้อสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร รองมาเป็นปริมณฑล และจังหวัดชายแดนใต้ แนวโน้มผู้ติดเชื้อในกลุ่มเด็กวัยเรียนวัยรุ่น แม้ว่าไม่เปิดเรียน แต่ยังพบการติดเชื้อ ส่วนหนึ่งเกิดการติดเชื้อในครอบครัว และการสัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยัน รวมถึงการค้นหาเชิงรุก

 การได้รับวัคซีน ครู บุคลากร เด็กอายุ 12-18 ปี

ข้อมูลเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2564 พบว่า มีผู้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็ม 2 รวมกันทั้งสิ้น 897,423 ราย คิดเป็น 88.3% โดยผู้ยังไม่รับวัคซีนอีก 118,889 รายคิดเป็น 11.7% ขณะที่เด็กอายุ 12-18 ปี ในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ข้อมูลรายงานเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564 ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 จำนวน 74,932 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,241 ราย

 สถานศึกษาจะได้รับการสนับสนุน ATK อย่างไร

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า การสนับสนุนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สปสช. 8.5 ล้านชุด ที่แจกผ่านสถานพยาบาลในพื้นที่โดยเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลประชาชน ดังนั้น ครู นักเรียน สามารถติดต่อรับชุดตรวจได้ และ กองทุนสุขภาพระดับเพื้นที่ท้องถิ่น สาามารถจัดหาเพื่อแจกประชาชนได้ รวมถึงระดับโรงเรียนที่หารือร่วมกันกับประชาชน ผู้ปกครองเพื่อจัดหาชุดตรวจได้