SHARE

คัดลอกแล้ว

เดินหน้าป้องกันเด็กหลุดออกนอกระบบ ศธ.สช.ผนึก กสศ. นำนวัตกรรมคัดกรองเด็กยากจนและด้อยโอกาส ขยายการช่วยเหลือนักเรียนยากจน-พิการ-ด้อยโอกาสสังกัดเอกชนโรงเรียนประเภทสายสามัญ ทั่วประเทศ 3,900 แห่ง หวังเป็นฐานข้อมูลช่วยเหลือติดตามนักเรียนอย่างทันท่วงที รวมถึงพัฒนาครู และสถานศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนเพิ่มสมรรถนะในศตวรรษที่ 21

ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมการคัดกรองความยากจน การวิจัยพัฒนาคุณภาพครู และสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยความร่วมมือระหว่าง กระทรวงศึกษาธิการ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
(กสศ.)

ดร.กนกวรรณ  วิลาวัลย์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นนิมิตรหมายดี ที่ทำความร่วมมือกันระหว่าง ศธ.และกสศ.ขับเคลื่อนระบบการศึกษาโดย 1.สนับสนุนนวัตกรรมการคัดกรองความยากจน การจัดสรรงบประมาณแบบมีเงื่อนไข เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และให้การช่วยเหลือนักเรียนยากจน 2.ส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับนักเรียนยากจน นักเรียนพิการ และด้อยโอกาสให้ได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นตามศักยภาพ 3.สนับสนุนให้เกิดความร่วมมืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือ ส่งเสริมนักเรียนยากจน นักเรียนพิการและด้อยโอกาส เพื่อลดความเลื่อมล้ำ ในการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานและพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน และประสิทธิภาพครูของโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

“โรงเรียนเอกชนมักจะถูกมองว่าเด็กมักจะมีฐานะดีแต่ในข้อเท็จจริงโรงเรียนเอกชนยังมีเด็กที่ด้อยโอกาสและผู้พิการ และครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้ใช้แอปพลิเคชั่นของกสศ. ที่มีมาตรฐานและได้ใช้มาในทุกระบบของการศึกษา ครั้งนี้จำนวนอาจจะยังไม่ได้เข้าเป้ามากเนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 แต่กระทรวงศึกษาธิการจะรับไปปรับปรุงเพื่อให้เข้าถึงสถานศึกษาจำนวนมากขึ้น โอกาสต่อไปก็คือ นักเรียน ครู และสถานการศึกษา จะได้รับความร่วมมือจาก กสศ.เพื่อพัฒนาระบบการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาคือ พัฒนาระบบการศึกษาให้ครอบคลุมทุกด้านโดยเฉพาะพื้นที่ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และผู้ยากไร้” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว

ดร.กนกวรรณ กล่าวด้วยว่า ด้วยข้อจำกัดของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ครูและนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ต้องเรียนอย่างยากลำบาก ครูจึงต้องหาวิธีการให้นักเรียนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ ในส่วนของการเรียนแบบ On-Site และ On-Hand ต้องทำด้วยความยากลำบาก เพราะต้องทำควบคู่กับการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้ยังหาช่องทางให้เด็กที่ด้อยโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมด้วย ซึ่งนับเป็นความเสียสละและความท้าทายของผู้บริหารและครูของโรงเรียนเอกชน จึงอยากขอบคุณจากใจ สำหรับผู้ปกครองบางรายมีจำนวนมากที่เกิดภาระจากการว่างงาน เป็นข้อจำกัดของสภาพครอบครัวส่งผลไปยังบุตรและลูกหลานในปกครอง จึงเป็นวันสำคัญที่เราจะมาร่วมพัฒนาอนาคตที่สดใดของเด็กด้อยโอกาสให้มีความสุขมากขึ้น จึงอยากให้การทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างศธ.และกสศ. บรรลุวัตถุประสงค์

นพ.สุภกร บัวสาย รักษาการผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า เด็กยากจน จำนวนมาก มีชีวิตที่ยากลำบากจนทนไม่ไหว ต้องหลุดจากระบบการศึกษา  กสศ.ทำงานครอบคลุมทั่วประเทศ  และขยายสังกัดเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ ปีที่ผ่านมา สามารถช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้มากกว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เรากังวล แม้ยังไม่หลุดจากระบบการศึกษา แต่ถ้ามาโรงเรียน ท้องยังหิว เดินทางด้วยความยากลำบาก หรือได้รับการเรียนการสอนไม่ตรงกับการใช้ประโยชน์ในชีวิต กสศ.จึงจัดงบประมาณลักษณะ เงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือด้านอาหารเช้า การเดินทาง การจัดการเรียนการสอนเพิ่มเติม ให้ตรงกับประโยชน์ที่นักเรียนจะใช้ได้จริง

นพ.สุภกร กล่าวว่า การช่วยเหลือนักเรียนยากจนกลุ่มนี้ กสศ.เริ่มจากเด็กๆในสังกัด สพฐ. ซึ่งมีนักเรียนยากจนมากที่สุด และมีความพร้อมของข้อมูล  และได้ขยายไปสู่สังกัด อปท. ตชด .  ยังเหลือสังกัดที่ยังไม่ครอบคลุมอีก หนึ่งในนั้นคือ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช.   กสศ.จึงพยายามต่อสู้เรื่องงบประมาณมาอย่างน้อย 3 ปี  ในปีนี้มีโอกาสเริ่มต้นดำเนินการร่วมกับ สช. เป็นปีแรก การดำเนินงานจะมีเงื่อนไข คือ การใช้เครื่องมือการคัดกรองความยากจนด้วยวิธีวัดรายได้ทางอ้อม (Proxy Means Test : PMT) ของกสศ. เพื่อให้รัฐบาล รัฐสภา สำนักงบประมาณ มั่นใจว่าสนับสนุนงบประมาณถูกคนยากจนจริง ทั้งนี้ความร่วมมือยังนำมาสู่การเชื่อมต่อระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลรายบุคคลและรายสถานศึกษาระยะยาว ครอบคลุมเด็กเยาวชนที่มาจากครัวเรือนซึ่งมีรายได้น้อยที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศ จำนวนมากกว่า 1 ล้านคน ในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ครอบคลุมสถานศึกษาสังกัด สช.กว่า 3,902 แห่ง

นพ.สุภกร กล่าวว่าในปีแรก กสศ.จะเริ่มต้นทำงานกับโรงเรียนเอกชนประเภทการกุศล 566 แห่งจากการคัดกรอง สามารถช่วยเหลือนักเรียนทุนเสมอภาค สังกัด สช.ได้จำนวน 2,500 คน ที่จะได้รับเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข คนละ 3,000 บาท/ปี เพื่อบรรเทาอุปสรรคการมาเรียน ค่าครองชีพ ค่าอาหารเช้า พร้อมทั้งมีระบบติดตามการมาเรียน ผลการเรียน และการเจริญเติบโตของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนอาจยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด เราเชื่อว่าอาจมีจำนวนนักเรียนที่ยากลำบากมากกว่านี้หลายเท่า ซึ่งรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่าจะต้องมีการสำรวจ คัดกรองเร็วขึ้น เพื่อสามารถจัดทำงบประมาณ ช่วยเหลือนักเรียนกว้างขวางขึ้นในปีถัดไป  ความร่วมมือครั้งนี้ กสศ.ยังสนับสนุน โรงเรียนสังกัด สช. เข้าร่วมโครงการพัฒนาตนเองรุ่นที่ 2 ประมาณ 27 แห่ง ครอบคลุมนักเรียนที่จะได้รับประโยชน์และยกระดับคุณภาพการศึกษา จำนวน 10,000 คน ในการหาวิธีการจัดการเรียนการสอน สอดคล้องกับความจำเป็นในชีวิตของเด็กและสอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ

“ข้อจำกัดของการช่วยเหลือเป็นรายคน  คือ ถ้างบประมาณหมด หรืองบประมาณน้อย จะเป็นปัญหา อุปสรรคมาก กสศ.จึงพยายามทำงานกับหน่วยงานเจ้าภาพหลัก  เน้นงานวิจัยพัฒนาระบบงานไปด้วย เพื่อช่วยเหลือลดอุปสรรคเฉพาะหน้าและสนับสนุนงานวิชาการ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษาในประเด็นที่รัฐบาลเห็นว่าต้องมีการแก้ไข โดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ที่นักเรียนส่วนใหญ่ยากจน” นพ.สุภกร กล่าว

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตลอดสามปี ที่ กสศ.กำเนิดขึ้นมา เป็นการเติมเต็มช่องว่างในสังคมไทย เปลี่ยนชีวิตเด็กให้เป็นบุคคลสำคัญ ขับเคลื่อนประเทศในอนาคต อย่างไรก็ตามนักเรียนที่อยู่ในสถานศึกษามีความด้อยโอกาสที่แตกต่างกันส่วนหนึ่งจากสภาวะทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในวิกฤตโควิด-19 ทำให้มีการย้ายถิ่นฐานผู้ปกครองว่างงาน ส่งผลกระทบต่อการศึกษาของเด็กไทย ทำให้มีเด็กจำนวนมากที่ยังไม่พบว่าศึกษาต่อในระบบเป็นเด็กต้องหล่น ประมาณ 43,000 คนโดยขณะนี้เหลืออีกราว 20,000 กว่าคน ที่กระทรวงศึกษากำลังเร่งรัด ติดตาม ซึ่งเรามีชื่อเด็กทุกคนเพื่อให้เข้าสู่การศึกษาในระบบหรือการศึกษานอกระบบ หรือเรียนอาชีวะ

ดร.พีรศักดิ์  รัตนะ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวว่า การสนับสนุนนวัตกรรมดังกล่าว จะช่วยให้ สช.มีฐานข้อมูลความยากจนของนักเรียนที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อให้ สช.นำข้อมูลไปใช้ ในการขอรับงบประมาณประจำปี สำหรับช่วยเหลือนักเรียนที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา เนื่องจากปัญหาความยากจนด้อยโอกาสได้ดีขึ้น นอกจากนี้ สช. และ กสศ.ยังมุ่งพัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ ผ่านโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง หรือ Teacher and School Quality Program: TSQP ที่เน้นการพัฒนาคุณภาพของระบบบริหารจัดการโรงเรียน และการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพสูงในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะในศตวรรษที่ 21

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า