SHARE

คัดลอกแล้ว

รมว.ศึกษาธิการ ยืนยันนโยบายเด็กไทยเรียนในโรงเรียนเป็นหลัก เผย “เรียนทางไกลผ่าน 17 ช่องทีวี” และ “เรียนออนไลน์” เป็นเพียงส่วนเสริม กรณีสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เลวร้าย แต่ ณ วันนี้ประเมินแล้ว 1 ก.ค. สามารถเปิดเรียนได้ตามกำหนด

วันที่ 17 พฤษภาคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีมข่าว กรณีปรากฏภาพยายพาหลานไปหาซื้อโทรศัพท์มือถือราคาไม่เกิน 2,000 บาท เพื่อเตรียมไว้เรียนออนไลน์ จนทำให้เกิดแฮชแท็ก #เรียนออนไลน์ และวิพากษ์วิจารณ์การให้เรียนทางไกลของกระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงที่เลื่อนเปิดเทอมเป็นวันที่ 1 กรกฏาคม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า

“ผมก็พูดชัดเจนแล้วว่าในขั้นตอนแรก คือเรียนที่โรงเรียนเป็นอันดับแรก โดยต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยของสาธารณสุข ซึ่งถ้าวันนี้เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม ร้อยละ 80 ของโรงเรียนทั่วประเทศก็ต้องเรียนที่โรงเรียน เรียนออนไลน์อาจจะแค่เรียนแค่ในกรุงเทพฯเท่านั้นเอง เพราะว่าสถานการณ์ยังไม่ดีพอ แต่อีก 45 วันจากนี้ต้องติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่าจะเป็นอย่างไร ต้องเข้าใจในบริบทว่าการเรียนออนไลน์ที่ผมพูดมาตลอดเวลา Onsite (ออนไซต์), Onair (ออนแอร์) และ Online (ออนไลน์) ซึ่งออนไซต์มาก่อน ก็คือเรียนที่โรงเรียนก่อนอันดับแรก และโรงเรียนทั่วประเทศส่วนใหญ่อยู่ใน 50 จังหวัดที่อยู่ในโซนที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเลยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ดังนั้นเรียนที่โรงเรียนได้ ถ้าไม่ได้ก็เป็นออนแอร์ คือดูโทรทัศน์  เด็กจนถึง ม.3 ดูโทรทัศน์อยู่แล้ว ที่มีออนไลน์ คือเสริม ในชั้น ม.4 ม.5 และม.6” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

นายณัฏฐพล ย้ำว่า สำหรับการเปิดทดสอบสัญญาณเรียนทางไกลผ่านทีวี 17 ช่องตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. เป็นการทดสอบสัญญาณโทรทัศน์แต่ละบ้าน ซึ่งถ้าเผื่อบ้านไหนไม่มีโทรศัพท์ เราไม่ได้บอกให้ไปให้ซื้อโทรศัพท์

“อาจจะเป็นคุณยายเคสเดียวที่อยากจะไปซื้อหลาน ผมก็ไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร แต่ในกระบวนการทั้งหมด ถ้าในพื้นที่เรียนไม่มีโทรศัพท์เลย ไม่มีโทรทัศน์เลย ก็ต้องไปเรียนที่โรงเรียน”

“ที่เราพูดถึงออนแอร์ หรือออนไลน์ นั่นคือสถานการณ์เลยร้ายที่สุด เผื่อไว้ เรียนที่โรงเรียนแล้วถึงเวลา สถานการณ์ไม่ดีมีคนติดเชื้อคนหนึ่งในหมู่บ้าน ก็ต้องมาใช้ออนแอร์อยู่ดี แล้วถึงตอนนั้นจะมาทำกันก็ไม่ทันแล้ว ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตรงนี้ไว้ก่อน”

(แฟ้มภาพ)

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวฝากถึงหลายฝ่ายที่มีข้อกังวลใจเรื่องเรียนออนไลน์ว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่คนคิด การเรียนออนไลน์ เราคาดว่าเด็ก ม.4 ม.5 ม.6 คงต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเราก็สำรวจอยู่ ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ถ้าโรงเรียนไหนมีความสามารถที่จะสอนออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องเรียนทางโทรทัศน์ ตนก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเด็กคนที่เป็นข่าวอาจจะเป็นหนึ่งในเด็กที่อยู่ในโรงเรียนที่อยากจะสอนออนไลน์ก็ได้ ตนก็ไม่ทราบ แต่ตนให้อิสระกับผู้อำนวยการแต่ละโรงเรียนตัดสินใจแนวทางในการสอน โดยกระทรวงศึกษาธิการเพียงแต่เตรียมเป็นพื้นฐานไว้

ผู้สื่อข่าวถามถึงอุปกรณ์สำหรับเรียนออนไลน์ เช่น แท็บเล็ต จะมีการแจกหรือไม่ นายณัฏฐพล ตอบว่า “ไม่มีครับ เพราะหลังจากที่ดูในส่วนของงบประมาณแล้ว และดูสถานการณ์แล้วเราสามารถเรียนได้ที่โรงเรียน เพราะฉะนั้นแจกอะไรก็จะไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องใช้ แล้วถ้าเผื่อแจกแล้วจะกลายเป็นการแจกไปทุกๆ ปี ถ้าปีนี้แจก ปีหน้าก็จะถามว่าทำไมไม่แจก จะเป็นปัญหาผูกพันงบประมาณ ซึ่ง ณ วันนี้ ประมวลดูแล้วยังไม่คุ้มค่า เพราะว่าในระบบทั้งหมดของเรายังไม่พร้อมออนไลน์เลย ถ้าเผื่อมีอุปกรณ์ มีแท็บเล็ตต้องพร้อมออนไลน์ นี่ขนาดแค่โทรศัพท์อันเดียวสมาร์ทโฟนเท่านั้นเองว่าเราไม่พร้อมจะไปแจกเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ”

ขอบคุณภาพ: ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยายพาหลานตามหาโทรศัพท์มือถือราคาไม่เกิน 2 พันบาท เตรียมไว้เรียนออนไลน์

ดีเดย์ 18 พ.ค. เริ่มเรียนทางไกลผ่านทีวี 17 ช่อง “อนุบาล-ม.6” รวมกศน.และอาชีวะ

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า