ผศ.อรรถพล ร่อนจดหมายสอบถาม รมว.ศธ.ประเด็นงาน “สร้างทางเลือกการศึกษาก่อนเปิดภาคเรียน ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ให้ครู ผู้ปกครอง นักเรียน ยุค New Normal” ระบุเป็น “การอบรมแบบฟังอย่างเดียว” และ “ขาดการเชื่อมต่อยึดโยง (Alignment) กับสถาบันเตรียมครูพัฒนาอย่างคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์”
วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ผศ. อรรถพล อนันตวรสกุล นักการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึง ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประเด็นการจัดงาน “สร้างทางเลือกการศึกษาก่อนเปิดภาคเรียน ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ให้ครู ผู้ปกครอง นักเรียน ยุค New Normal” ซึ่งเป็นโครงการอบรมครูทั่วประเทศโดย โดยครูจากสถาบันกวดวิชา เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมจากสถาบันเอกชนด้านการพัฒนาครู จดหมายดังกล่าวระบุว่าเขา “เกิดข้อสงสัยอย่างยิ่งเกี่ยวกับคัดเลือกวิทยากร” มาอบรม “ครูในระบบ”
“เท่าที่ผมศึกษาดูจากนโยบายพัฒนาครูในหลายประเทศ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ยังไม่พบว่ามีประเทศใดในโลกดำเนินการด้วยแนวทางนี้”
โดยผศ.อรรถพลระบุว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนว่าภาคการกำหยดนโยบายยังขาดความเข้าใจเรื่องการศึกษาและไม่ได้กระทำบนฐายการศึกษาพิพัฒนาการนิยม ปฏิรูปนิยม และมนุษยนิยมใหม่ อันเป็นหัวใจของการศึกษากระแสหลักที่มีคุณภาพทั่วโลก ซึ่งกำหนดใน พรบ.การศึกษาฉบับปัจจุบัน
“การอบรมแบบฟังอย่างเดียวให้ได้ Input แบบนี้หลายประเทศยกเลิกไปนานแล้ว ใช้เฉพาะวาระรับฟังนโยบายบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องระดับนานาชาติมาคุย”
นอกจากนี้ยังแสดงความกังวลประเด็น การขาดการเชื่อมต่อยึดโยง (Alignment) กับสถาบันเตรียมครูพัฒนาอย่างคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์
“ศธ.ก็มองไม่เห็นคุณค่า ไม่ศรัทธาเชื่อมั่น มองไม่เห็นทั้งความพร้อมที่มีอยู่ (Availability) และการเปิดให้สาธารณะเข้าถึงได้ (Accessibility) จากสถาบันครุศึกษา ในระดับสถาบันนะครับ ไม่ใช่การเชื้อเชิญเจาะจงตัวเป็นราย ๆ ไป
ในอีกมุมหนึ่ง สถาบันครุศึกษาเหล่านี้ก็ทำตัวห่างเหิน ไม่แสดงภาวะผู้นำทางการศึกษา ไม่กระตือรือร้นมากพอที่จะร่วมรับผิดรับชอบกับสถานการณ์ปัญหาทางการศึกษา ลอยตัวจากความล้มเหลวของระบบ มาอย่างยืดเยื้อเรื้อรังยาวนาน พูดภาษาชาวบ้าน คือ ผู้กำหนดนโยบายเขามองไม่เห็นหัวพวกท่าน เพราะพวกท่านไม่เคยอยู่ให้เห็นหัว” โดยเมื่อมีความกระตือรือร้นในการจัดกิจกรรมนี้ก็พบปัญหาการขาดแรงส่งเชิงนโยบาย
นอกจากนี้เสนอ ข้อเสนอ 3 ข้อ สำหรับช่วงเลื่อนเปิดเทอม 11 วัน ได้แก่ 1.เสนอให้ทุกโรงเรียนจัดประชุมออนไลน์ถอดบทเรียนการทำงานในช่วงโควิด 2.ให้ รร.ประสานงานกับเด็กล่วงหน้าว่าไม่มีงาน ไม่มีการบ้าน ให้เล่นเต็มที่ 3.หารือด่วนกับ อว. และเครือข่ายสถาบันครุศึกษา เชิญชวนผู้นำองค์กรของกลุ่มมหาวิทยาลัยทึ่มีคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ หารือ ร่วมกันแบ่งพื้นที่ดูแลสนับสนุนงานคุณครูในช่วงภาคการศึกษาต้น
“ครูทุกคนได้มีประสบการณ์ตรงและลงมือแก้ปัญหามาหมดแล้ว ทั้ง Online (เลื่อมเวลา/ประสานเวลา) - On Air – On Screen – On Hand – On Site. รวมทั้ง Hybrid ไม่มีติวเตอร์หรือนักวิชาการเจอบริบทการสอนการทำงานแบบเดียวกับคุณครูในช่วง พ.ค.-ก.ค.63 และ ธ.ค.63 -ม.ค.64 ที่ต้องจัดกิจกรรมการเรียนทั้ง 5 ช่องทางนี้ผสมกัน
คุณครูเท่านั้นที่เคยล้มเหลว เรียนรู้ หลายคนปรับตัว จนเกิดแนวปฏิบัติที่ดี สามารถแลกเปลี่ยน ให้คำแนะนำเพื่อนครูร่วม รร.ได้
การรับมือสถานการณ์นี้ เราเรียนรู้จากประสบการณ์ของเพื่อนครู รร.อื่น ผู้สอนในบริบทอื่นได้ แต่เรื่องสำคัญ คือการแลกเปลี่ยนกันเองกับครูที่ดูแลนักเรียนในบริบทเดียวกัน วิธีที่ใช้ได้กับ รร.ขนาดกลางระดับชุมชนเมือง ไม่อาจใช้ได้กับ รร.ในพื้นที้ห่างไกล หรือกระทั่ง รร.ใหญ่ในเมือง
และต่อให้ขนาดใกล้เคียงกัน รร.ในบริบทเด็กหลากชาติพันธุ์ เด็กในบริบทวัฒนธรรมเฉพาะ และเด็กที่มีพื้นเพสถานะ ความพร้อมสนับสนุนของครอบครัวก็ไม่อาจเหมือนกัน
ให้เวลาคุณครูได้คุยหารือ ได้พัก ได้เตรียมตัวสอนเถิดครับ ดีกว่าบังคับให้เปิดหน้าจอเช็คชื่ออบรมออนไลน์กับใครก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้เข้าใจปัญหาเฉพาะหน้าที่ครูกำลังต้องเผชิญ แล้วก็ต้องแอบปิดกล้องนั่งประชุมเตรียมสอนกันไป
และฝากโจทย์ให้คุณครูขบคิดวิธีการทำความรู้จักสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับ นร. ในการสอนทางไกลตั้งแต่สัปดาห์แรกของเทอม”
“ให้เขา(นักเรียน)ได้เล่น ได้เป็นเด็ก มีเวลาว่างสั้น ๆ สัก 11 วัน ถ้าท่านเกรงว่าจะสูญเปล่า แนะนำว่าให้ รร.ประสานงานกับเด็กล่วงหน้าว่าไม่มีงาน ไม่มีการบ้าน ให้เล่นเต็มที่ แต่ฝากให้เขียนสั้น ๆ หรือวาดอะไร เตรียมมาเล่าให้เพื่อนและครูฟังในวันแรกที่ได้เปิดเทอมว่า ’11 วันที่ได้มีเวลาว่าง ฉันทำอะไร”
“ทั้งหมดนี้คือข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่อยากนำเรียนฝากไว้เพื่อพิจารณาใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่รอบคอบ” ลงชื่อ อรรถพล อนันตวรสกุล คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย