SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อพูดถึงปัญหาการขาดโอกาสทางการศึกษาของเด็กและเยาวชน เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงประเด็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากรายได้ของครอบครัวเพียงเท่านั้น แต่ความจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ส่งผลกระทบกับการเรียนรู้ทั้งของเด็กและเยาวชนได้ไม่ต่างกัน นั่นคือ “สุขภาพ” เพราะเมื่อใดที่สุขภาพไม่ดี ย่อมทำให้ไม่สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพตามไปด้วย

โดยข้อมูลงานวิจัยการคัดกรองปัญหาด้านสุขภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของนักเรียน จากความร่วมมือของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทำการสำรวจนักเรียนระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 4,674 คน ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ ณ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ทั้งหมด 11 โรงเรียน พบว่านักเรียนร้อยละ 32.28 มีปัญหาด้านสุขภาพที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้

ซึ่งสามารถจำแนกปัญหาออกเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่ 1) การมองเห็น 2) การได้ยิน 3) ช่องปาก 4) ผิวหนัง 5) ทางเดินอาหาร 6) ทุพโภชนาการ 7) การเคลื่อนไหว และ 8) สุขอนามัย โดยนักเรียนหนึ่งคนอาจพบปัญหาด้านสุขภาพตั้งแต่ 1 ปัญหาขึ้นไป

สำหรับปัญหาที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ปัญหาด้านช่องปาก (ร้อยละ 12.60) รองลงมาคือปัญหาด้านทุพโภชนาการ (ร้อยละ 10.36) และปัญหาสุขอนามัย (ร้อยละ 7.16) โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

  • ปัญหาด้านช่องปากที่พบเป็นอันดับหนึ่งคือ ปวดฟันบ่อย/ฟันผุ (ร้อยละ 10.16) และมีแผลในปาก/ร้อนใน/เจ็บลิ้นบ่อย (ร้อยละ 3.70)
  • ปัญหาด้านทุพโภชนาการ พบว่านักเรียนที่มีน้ำหนัก/ส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ (ร้อยละ 8.94) ผิวหยาบ/ผมร่วง/ผมซีดกว่าปกติในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 1.48) และตัวซีด/ตัวเหลือง ตาเหลือง (ร้อยละ 1.39)
  • ปัญหาด้านผิวหนัง พบนักเรียนมีเหามากที่สุด (ร้อยละ 7.02) รองลงมาคือมีอาการคัน/มีตุ่ม ผื่น ตกสะเก็ดตามผิวหนัง/ซอกนิ้ว/ศีรษะ (ร้อยละ 3.06)

ดังนั้นกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่มุ่งมั่นดูแลกลุ่มเด็กและเยาวชนในด้านการศึกษา จึงได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการขยายการเข้าถึงสิทธิและบริการตามชุดสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ครอบคลุมและทั่วถึง เพื่อร่วมกันขยายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาควบคู่ไปกับการเพิ่มเติมการดูแลด้านสุขภาพภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้แก่เด็กและเยาวชนพร้อมครอบครัวยากจนและด้อยโอกาส รวมกว่า 5.2 ล้านคน

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เปิดเผยว่า กสศ. ให้ความสำคัญกับการทำงานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งเหนี่ยวนำความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมช่วยเหลือเด็กเยาวชนจากครัวเรือนยากลำบากร้อยละ 15 ล่างสุดของประเทศ อย่างตรงจุดเป็นรายบุคคลมาโดยตลอด ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาพบว่าสุขภาพที่ไม่ดีเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้เด็กและเยาวชนไม่สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เช่น ปัญหาทุพโภชนาการ ปัญหาสุขอนามัย ความผิดปกติทางสายตา เป็นต้น

จากฐานข้อมูลของกสศ. และ 4 หน่วยงานต้นสังกัดทางการศึกษา อาทิ สพฐ. อปท. บช.ตชด. และ พศ. ชี้ว่าในบรรดาเด็กยากจนและยากจนพิเศษช่วงอายุ 3 – 14 ปี มีกลุ่มที่ต้องได้รับการตัดแว่นอย่างเร่งด่วน จำนวนประมาณ 50,000 – 70,000 คน โดยที่ครอบครัวไม่เคยรู้เลยว่าเด็กมีปัญหาสายตา อีกทั้งยังพบว่าในปีการศึกษา 2564 ประเทศไทยมีเด็กเยาวชนที่ครัวเรือนมีสถานะยากจนพิเศษ (รายได้เฉลี่ย 1,094 บาทต่อครัวเรือน หรือประมาณวันละ 36 บาท) เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,244,591 คน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับภาระค่าใช้จ่ายปากท้อง สุขภาพ การศึกษา ของสมาชิกทุกคนในครัวเรือนแล้ว ย่อมไม่เพียงพอ

โดยจากจำนวนสมาชิกครัวเรือนของนักเรียนยากจนพิเศษทั้งหมด 5,228,536 คน มีครัวเรือนที่มีภาระพึ่งพิงอยู่มากถึงร้อยละ 51.95 และในหนึ่งครัวเรือนนั้นอาจมีภาระพึ่งพิงได้หลายรูปแบบ อาทิ มีสัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ร้อยละ 27.95 มีผู้ว่างงานอายุ 15 – 65 ปี ร้อยละ 21.53 เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ร้อยละ 14.55 คนพิการ ร้อยละ 7.01 ทำให้เด็ก ๆ ต้องออกจากระบบการศึกษาทั้งชั่วคราวและถาวร เพื่อหาเลี้ยงสมาชิกครอบครัวที่มีภาระพึ่งพิงอยู่บ่อยครั้ง

นอกจากนี้ ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ผ่านปัญหาการว่างงานและรายได้ที่ลดลงของครัวเรือนในระบบการศึกษาทั้งในระยะสั้น เช่น สถานการณ์การหลุดจากการศึกษาของนักเรียนกลุ่มรอยต่อสูงถึง 43,060 คน ในปีการศึกษา 2564 รวมทั้งผลกระทบในระยะยาวผ่านปัญหาความถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss) หรือภาวะลองโควิด (Long Covid) ที่จะส่งผลกระทบต่อการศึกษาเด็กเยาวชนและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปอีกระยะหนึ่ง หากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมช่วยสนับสนุนหลักประกันสุขภาพและความเสมอภาคทางการศึกษาของเด็กเยาวชนและครอบครัวในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน เพราะกฎบัตรอ๊อตตาวาเพื่อการส่งเสริมสุขภาพขององค์การอนามัยโลกชี้ว่า การศึกษาเป็นหนึ่งในปัจจัยทางสังคมที่กำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health) แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเรื่องมีความเชื่อมโยงกัน ดังนั้นทั้งกสศ. และสปสช. จึงเล็งเห็นความสำคัญในการทำงานร่วมกัน

“ความร่วมมือระหว่าง กสศ.และ สปสช. ถือเป็นการประสานพลังระหว่างหน่วยงานที่มีภารกิจสร้างเสริมหลักประกันสุขภาพและความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยให้เด็กเยาวชนและครอบครัวที่ยากจนด้อยโอกาสกลุ่มนี้ ได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ช่วยขจัดอุปสรรคต่อการเรียนรู้การพัฒนาศักยภาพ และการดำเนินชีวิตในระยะยาว ผ่านการชี้เป้าของกสศ. โดยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ ระบบ iSEE ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ครอบคลุมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายนักเรียนยากจนพิเศษ 1.2 ล้านคน รวมทั้งครอบครัวด้วย นับเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ยั่งยืน” ดร.ไกรยสกล่าวสรุป

ด้านนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมา สปสช. จะสนับสนุนการจัดบริการทางด้านสุขภาพให้กับคนไทยทุกคนทุกวัยอย่างครอบคลุมและทั่วถึงมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามยังมีประชากรบางกลุ่ม อาทิ เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส รวมถึงคนในครอบครัวที่เป็นกลุ่มเปราะบางเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพอยู่ จึงได้เกิดความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงานอย่างในครั้งนี้ขึ้น เพื่อเพิ่มเติมการดูแลด้านสุขภาพภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปพร้อมกับส่งเสริมการศึกษา ซึ่งเป็นปมปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ต้องเร่งแก้ไข

“นับจากวันนี้ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมมือกันขับเคลื่อนเพื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส รวมถึงคนในครอบครัว มีโอกาสเข้าถึงสิทธิ สวัสดิการ และชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ สู่การมีสุขภาพที่ดีควบคู่กับการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา ซึ่งจะเป็นพื้นฐานการดำเนินชีวิตในอนาคต พร้อมกันนี้ สปสช. จะสนับสนุนภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกระดับ อาทิ เครือข่าย อปท. ภาคประชาสังคม สปสช.เขต เพื่อมาร่วมขับเคลื่อนการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้ความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษานี้” นพ.จเด็จกล่าวทิ้งท้าย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า