รัฐบาลเอลซัลวาดอร์เผยภาพปฏิบัติการเคลื่อนย้ายนักโทษคดีอาชญากรรมกลุ่มแรก 2,000 คน ไปเรือนจำแห่งใหม่ ขนาดใหญ่สุดในลาตินอเมริกา หลังเจอปัญหานักโทษล้นคุก จากการประกาศสงครามกับแก๊งอาชญากรรมทั่วประเทศ
ปฏิบัติการเคลื่อนย้ายนักโทษครั้งใหญ่นี้ นับเป็นขั้นตอนล่าสุดของการเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมทั่วประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล พยายามผลักดันมาตรการฉุกเฉินเพื่อระงับสิทธิในรัฐธรรมนูญบางส่วน จนผ่านได้สำเร็จเมื่อเดือน มี.ค. ปีที่แล้ว หลังมีเหตุฆาตกรรมและอาชญากรรมรุนแรงเกิดขึ้นในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่นั้นมา รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ก็เดินหน้ากวาดล้างแก๊งอาชญากรรมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ, รัฐบาลสามารถเข้าถึงการสื่อสารส่วนตัวของประชาชนได้ และผู้ถูกคุมขังไม่มีสิทธิที่จะมีทนายความอีกต่อไป ส่งผลให้มีผู้ต้องสงสัยมากกว่า 64,000 คน ถูกจับไปคุมขังไว้ในเรือนจำ
โดยมาตรการดังกล่าวของรัฐบาล ถูกประณามโดยองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนว่า ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากตกเป็นเหยื่อ อีกทั้งยังมีผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อยหลายสิบคนจากการจับกุมของตำรวจ
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนชาวเอลซัลวาดอร์ ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีความมั่นคงของประเทศก็ยังคงยืนยันว่า จะดำเนินการต่อไปจนกว่าอาชญากรทั้งหมดจะถูกจับกุม
ทั้งนี้ เรือนจำแห่งใหม่ หรือที่รัฐบาลเอลซัลวาดอร์เรียกว่า ‘ศูนย์กักกันการก่อการร้าย’ (Center for the Confinement of Terrorism – CECOT) ตั้งอยู่ในเมืองเตโกลูกา ห่างจากกรุงซานซัลวาดอร์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 74 กิโลเมตร โดยสามารถรองรับผู้ต้องขังได้ราว 40,000 คน
เรือนจำแห่งนี้ประกอบด้วย อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 8 หลัง แต่ละหลังมีห้องขังพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร จำนวน 32 ห้อง ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้รองรับผู้ต้องขังมากกว่า 100 คนต่อห้อง โดยแต่ละห้องมีเพียงอ่างล้างมือสองอ่างและห้องสุขาสองห้อง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชนว่าเป็นการละเมิดมาตรฐานการคุมขัง
ที่มา : The Guardian, France24, CNN