แถลงการณ์จากสภาผู้แทนนิสิต และนักศึกษา 29 สถาบัน เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา และว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านเคารพเจตนารมณ์แห่งประชาชน ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
จากกรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป ในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้สรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการผลปรากฏว่า พรรคก้าวไกล ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด เป็นจํานวน 152 ที่นั่ง ประกอบด้วย ส.ส. แบบแบ่งเขต จํานวน 113 ที่นั่ง และส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ จํานวน 39 ที่นั่ง อีกทั้ง พรรคก้าวไกลได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับการรวบรวมเสียงพรรคการเมืองอื่นๆ ฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ผลรวมจํานวนที่นั่งจากการรวมเสียงดังกล่าว มีคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ เพียงแค่เสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น ยังไม่เพียงพอต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการประชุมรัฐสภา ประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จํานวน 250 คน โดยการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 272 กล่าวคือจะต้องมีการนําเสียงของ ส.ว. เข้ามาร่วมลงมติ ดังนั้น จึงต้องมีการลงมติรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา คือ จํานวน 376 เสียง เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ได้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา สื่อต่าง ๆ ได้มีการนําเสนอมุมมองของ ส.ว. บางส่วน เกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งบางท่านได้ชี้แจงว่า ตนอาจลงมติไม่เห็นชอบนายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร หรืออาจลงมติงดออกเสียง ซึ่งมีผลในทางปฏิบัติไม่ต่างไปจากการลงมติไม่เห็นชอบ ทัศนคติเช่นนี้ของ ส.ว. บางท่าน จึงเป็นที่น่าเป็นห่วงของประชาชนจํานวนมาก ที่ได้แสดงเจตนารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรที่มีนโยบายตอบสนองความต้องการของตนเอง
ในฐานะผู้แทนนิสิต และนักศึกษาจํานวนมาก จึงอยากเรียนถึงท่าน ส.ว. ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายที่คิดจะทำเช่นนี้ว่า ท่านจงอย่าได้ลืม ว่าสิทธิ์ในการออกเสียงลงมติเพื่อกําหนดอนาคตของประเทศชาติที่ท่านถืออยู่ในกํามือด้วยความสําคัญตัวผิดนั้น เป็นสิทธิ์ที่พวกท่านไม่สมควรได้รับตั้งแต่แรก แต่เป็นสิทธิ์ที่คณะรัฐประหารได้ฉกฉวยจากประชาชนและมอบให้กับพวกท่าน การลงมติไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียงนั้น จึงเป็นการไม่เคารพ และไม่ให้ความสําคัญต่อเสียงของประชาชนผู้ครองอํานาจสูงสุดในแผ่นดิน ซึ่งเป็นอํานาจที่ถูกแปรผลเป็นเสียงในสภาผู้แทนราษฎร
ดังนั้น สภาผู้แทนนิสิตนักศึกษา ทั้ง 29 มหาวิทยาลัย พึงขอให้ว่าที่สมาชิกผู้แทนราษฎรทุกท่าน ที่ได้รับเลือกโดยประชาชน และสมาชิกวุฒิสภาตระหนักว่า “สิ่งเดียวที่พวกท่านผู้ทรงคุณวุฒิสามารถทําได้เพื่อคงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวท่านเอง คือ การเคารพเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรและลงมติตามนั้น มิใช่การยืนหยัดเพื่อผลประโยชน์และใช้ดุลพินิจของตนในการตัดสินใจเสมือนว่าตนเองคู่ควรแก่การได้รับอภิสิทธิ์เหนือประชาชน”
หากท่านยังคงยึดมั่นในการตัดสินใจ ยึดถือความคิดของตนเหนือกว่าเสียงของประชาชน และไม่ให้เกียรติเสียงของประชาชน สภาผู้แทนนิสิตและนักศึกษา ก็พร้อมที่จะยืนหยัดเพื่อผลประโยชน์ของนิสิต และนักศึกษาในสถาบันและเจตนารมณ์ของประชาชนทุกคน เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งหลักการประชาธิปไตย อันมีประชาชนเป็นผู้ครอบครองอํานาจอธิปไตยเป็นสําคัญ
My Country Talks ร่วมกับสำนักข่าว TODAY ขอเชิญผู้ที่มีความสนใจ เข้าร่วมกิจกรรม World Talks ที่จะชวนคนจากหลากหลายพื้นที่ของโลกมาแลกเปลี่ยนไอเดีย เรื่องราว มุมมอง ผ่านการสนทนาแบบ 1:1
ผู้เข้าร่วมจะได้รับโอกาสพูดคุยกับผู้ที่มาจากต่างวัฒนธรรม ต่างบริบท ต่างแนวคิด โดยคัดจากการตอบคำถามในแง่มุมต่างๆ
หากท่านสนใจเข้าร่วม สามารถเริ่มต้นจากการตอบคำถามด้านล่างนี้ หรือเข้าไปที่ https://www.theworldtalks.org/invite
*คำถามและบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ