SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 29 มิ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเตรียมฟ้องดำเนินคดี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 7 คน จากกรณีสมคบคิดใช้อำนาจโดยทุจริตมีอคติ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ใช้อำนาจ ใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ ไม่มีข้อเท็จจริง และเหตุผลรองรับการใช้ดุลพินิจอันเป็นการช่วยเหลือผู้สมัคร และพรรคการเมืองหนึ่ง ให้เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในเขตการเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดพัทลุง แทนที่จะใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายจัดการเลือกตั้งใหม่ทั้งที่มีข้อเท็จจริงปรากฎชัดว่า เต็มไปด้วยการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันจะเป็นผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนได้ยื่นเรื่องต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการซื้อเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดพัทลุง ของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 ใน 4 ประเด็น โดย กกต. ยกคำร้อง 2 เรื่อง ส่วนอีก 2 เรื่อง ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ นอกล้นไปจากขอบเขตของกฎหมาย

4 กรณีที่ร้อง กกต. คือ กรณีที่ 1 พบการซื้อเสียงที่ ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งมีหลักฐานภาพถ่ายและพยานเล่ากับตนว่ามีการรับเงิน 4 พันบาท ให้กับคน 8 คน เพื่อซื้อเสียง แต่หลังจากพยานให้การกับ กกต. ครั้งแรกก็ได้ให้การเหมือนกับที่เล่าให้ตนฟัง แต่หลังจากนั้นพยานคนดังกล่าวกลับไปให้การใหม่แล้วบอกว่า ไม่ขอยืนยันคำให้การเดิมที่เคยให้การไว้
“ผู้หญิงคนนี้ไปให้การใหม่ เขาบอกว่าเขาไม่ยืนยันคำให้การเดิมที่เขาให้การไว้ ที่บอกว่าเงินนี้ซื้อเสียงให้กับหลานเขานั้น ความจริงแล้วไม่ใช่เงินซื้อเสียง แต่เป็นเงินที่เขาให้หลานไปซื้อน้ำมันพืช อันนี้สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็คือ กกต. เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ให้คนเงินหลานไปซื้อน้ำมันพืช เลยยกคำร้องของผม”

กรณีที่ 2 กรณีที่มีภาพรายชื่อหัวคะแนน และคลิปกำลังจ่ายเงินเพื่อจูงใจให้เลือกผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ของคืนวันที่ 23 มี.ค. 2562
“กกต. ยกคำร้องเพราะพยานไปให้การว่า ตอนที่พยานอัดคลิปนี้ พยานไม่รู้ว่าเงินอะไร พยานไม่ได้ยินเสียงที่เขาพูดกัน แต่อันนี้มันไม่จริง เพราะว่าที่พยานส่งคลิปให้ผมนั้นมันชัดเจน ว่าเงินนี้ของเบอร์ … นะ 500 นะ สิ่งที่พยานบอกว่าไม่รู้ว่าเงินอะไร 1. มันขัดกับภาพบัญชีคนซื้อเสียง แล้วบอกว่าไม่รู้ว่าเขาซื้อเสียงว่าเงินอะไร กกต. ยกคำร้องด้วยเหตุผลที่ว่าผู้บันทึกคลิปนี้ได้บอกว่าไม่ได้ยินว่าเขาพูดกันว่าอะไร เลยยกคำร้อง” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

กรณีที่ 3 กรณีกลุ่มไลน์หนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกราว 400 คน มีการส่งรูปบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนร้อง 2 เรื่อง คือ กำนันผู้ใหญ่บ้านไม่ว่างตัวเป็นกลาง เพราะมีการให้ผู้ใหญ่บ้านไปถ่ายรูปบัตรประชาชนแต่ละบ้านส่งเข้ากลุ่ม แต่มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งปฏิเสธที่จะทำ เพราะต้องการวางตัวเป็นกลาง หลังจากนั้นผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวถึงถูกให้ออกจากกลุ่มไลน์ดังกล่าว

“แต่ กกต. วินิจฉัยว่า การที่ถ่ายบัตรประชาชนจำนวน 35,000 ใบ ลงในกลุ่มไลน์เป็นเรื่องของการสำรวจคะแนนนิยม ว่ามีคนนิยมพรรค … เท่าใด แต่ผมก็โต้แย้งว่า การสำรวจคะแนนนิยมนั้น 1. เขาไม่ใช้กำนันผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไปทำในขณะนี้กำลังมี พรฎ. การเลือกตั้ง ขนาดทำโพลยังทำไม่ได้เลย 2. ถ้าเป็นการสำรวจคะแนนนิยมจริง คุณลบชื่อผู้ใหญ่บ้านที่เป็นกลางในทางการเมืองออกทำไม แต่ในเรื่องนี้ กกต. ให้เหตุผลว่าได้เรียกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คนนั้นมาสอบสวนแล้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า เป็นการสำรวจคะแนนนิยม แล้วเขาวางตัวเป็นกลาง เขาไม่ได้ข่มขู่บังคับ กกต. ก็ยกคำร้อง ด้วยเหตุที่ว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านยังวางตัวเป็นกลางอยู่ ทั้งๆ ที่กรณีการสำรวจคะแนนนิยม ตาม พรบ.ลักษณะการปกครองท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจะทำเรื่องเหล่านี้ไม่ได้”

ส่วนเรื่องกลุ่มไลน์อีกเรื่องหนึ่งคือ มีคนในกลุ่มไลน์ดังกล่าวส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มไลน์ว่า “พวกเรา ถ้าถูกจับในขณะซื้อเสียง ให้บอกว่าเป็นเงินของพรรคประชาธิปัตย์” กรณีนี้ตนร้องต่อ กกต. ว่า เป็นการใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร แต่ กกต. ลงโทษคนที่ส่งข้อความว่าเป็นการใส่ร้ายทำให้เสื่อมเสียคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้เสียคะแนนนิยมของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กกต. จึงให้ดำเนินคดีกับคนที่ส่งข้อความดังกล่าว ซึ่งปกติถ้ามีลักษณะอย่างนี้ แสดงว่าการเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ กกต. ไม่จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ กกต. ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ นอกล้นไปจากขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งสามารถที่จะลงโทษได้ว่าปฏิบัติหน้าที่ผิดต่อกฎหมายโดยทุจริต ที่ตนพูดวันนี้เปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วน คนซื้อเสียงที่มาพบตนและให้ข้อมูลเหล่านี้

“ผมไม่เชื่ออยู่แล้วว่าคนเหล่านี้จะซื้อตรง ผมมีข้อมูลมากกว่านั้น ถ้า กกต. รู้ว่าในมือผมมีข้อมูลมากกว่านั้น กกต. จะหนาวเลย แต่ผมไม่เปิดเผยวันนี้ ผมเคยทำเรื่อง กกต. ตอน กกต. ชุดโน้นนานมาแล้วติดคุก ผมก็อยู่ในกระบวนการนั้น และผมก็รู้ว่า กกต. ติดคุกเพราะอะไร เหตุผลอย่างไร ผมยืนยันด้วยศักดิ์ศรีของการเป็นทนายความนักกฎหมาย ตลอดชีวิตของผมว่าเรื่องนี้มีพยานหลักฐาน หนาแน่น หนักแน่นมากกว่าคดีที่ กกต. ติดคุก และผมจะทำเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด” นายนิพิฏฐ์ กล่าวในที่สุด

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า