SHARE

คัดลอกแล้ว

นับตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. 66 ที่พรรคเพื่อไทย เปิดตัว นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะมอบให้ประชาชนทุกคนที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ไว้ใช้จ่ายใกล้บ้าน ระยะทาง 4 กิโลเมตร ตามที่อยู่ในบัตรประชาชนของแต่ละคน ภายในเวลา 6 เดือน ก็มีความเห็นเข้ามาจากหลากหลายด้าน

ทำให้ทาง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจ ต้องเดินสายชี้แจงและตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัลหลายครั้ง จนล่าสุด ช่วงเย็นวันนี้ (11 เม.ย. 66) พรรคเพื่อไทย ได้ปล่อยยูทูบ ชื่อ “Digital Wallet 10,000 บาท คือ การทำให้ประชาชนลุกขึ้นยืนได้ เป็นก้าวแรกสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน” ความยาวกว่า 6 นาที ออกมา

คลิปดังกล่าว เศรษฐา ได้อธิบายบางช่วงบางตอน ระบุว่า นโยบายนี้ไม่ใช่หยอดน้ำข้าวต้ม และไม่ใช่นโยบายประชาชนนิยม แต่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ พร้อมชี้แจงเรื่องที่จะมอบเงินดิจิทัลให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงอายุเริ่มมีวุฒิภาวะ รู้ว่าควรใช้เงินอย่างไร และตามรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ไม่สามารถเลือกให้ได้ ถ้าให้ก็ต้องให้ทุกคน โดยนโยบายนี้จะใช้เงินงบประมาณ ประมาณ 560,000 ล้านบาท

(คลิปฉบับเต็ม) 

ขณะที่ เผ่าภูมิ โรจนสกุล โฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับ TODAY LIVE กล่าวโดยสรุปว่า บางคนอาจมองว่านี่คือการแจก แต่นี่คือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศ เมื่อจบจากโครงการนี้ประเทศเราจะมี Blockchain และจะมีระบบการชำระเงินแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างจาก แอปพลิเคชั่น ‘เป๋าตัง’ อย่างสิ้นเชิง Blockchain เหนือกว่า คือ สามารถเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ มีประโยชน์มากสำหรับการทำการคลังในอนาคต เช่น สามารถเขียนได้ว่าเงิน 10,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 12,000 บาทได้ถ้าใช้จ่ายกับร้านเล็กร้านน้อย จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการนำไปใช้ซื้อสินค้าจากรายย่อยมากกว่าเพราะใช้เงินได้มากกว่า

(คลิปฉบับเต็ม)

[นายกฯ เตือนได้คุ้มเสียหรือไม่]

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งขณะนี้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงนโยบาย เงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยว่า

“…การจะทำอะไรใหม่ๆ ก็ตาม ต้องคำนึงว่าเรามีทรัพยากรอยู่เท่าไหร่ ดูแลใครได้บ้างและมากน้อยแค่ไหน ถ้าการทำอะไรต่างๆ มากเกินไป สิ่งที่ทำอยู่แล้วเดิม ก็จะสูญเสียไปทั้งหมด อะไรที่เคยได้ก็จะไม่ได้ เพราะไปทำเรื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะคุ้มค่าหรือไม่ กับการที่ต้องสูญเสียไป ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันคิด”

[นักวิชาการ วิเคราะห์เงินดิจิทัลไม่ใช่นโยบายประชานิยมแต่สื่อสารไม่สุด]

ทางด้าน รศ.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความเห็นถึงนโยบายเงินดิจิทัล กับ TODAY LIVE ว่า หลักการคล้ายกับโครงการ เราชนะ, คนละครึ่ง คือไปกระตุ้น แต่เราอาจไม่ตื่นเต้นหวือหวากับตัวเลข 10,000 บาท เพราะว่าโครงการที่ผ่านมา 600 บาท 700 บาท หรือ 1,000 บาท แต่เพื่อไทย จัดเต็มเป็น 10,000 บาท แต่ถ้าไปย้อนดู ลองเอายอดมาบวกกันก็สูสีกัน แต่ที่พรรคเพื่อไทยจะถูกมองว่า นโยบายเงินดิจิทัล คือ ประชานิยม เพราะให้ตั้ง 55 ล้านคน คนละ 10,000 บาท เปรียบเทียบกับเมื่อตอนปี 2544 ก็ให้คนไทย 55 ล้านคนเหมือนกัน ที่เจ็บป่วยแล้วจ่ายเพียง 30 บาท

ในมุมมองของ รศ.ธนพร ยืนยัน เรื่องนี้ไม่ใช่ประชานิยม เป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมการอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือพรรคเพื่อไทยเองที่สื่อสารไม่สุด แล้วก็ต้องการเอาชนะทางการเมืองทางฝั่งเดียวกันคือพรรคก้าวไกล แบบค้ากำไรเกินควร วิบากกรรมเลยมาตกที่พรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้อธิบายด้วยเหตุด้วยผลได้ และเชื่อว่า ในทางปฏิบัติไม่มีทางจ่ายพร้อมกันได้ทีเดียว 55 ล้านคน จะทำเป็นเฟส และยังมีรายละเอียดที่ต้องพูดคุยกันในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร

ขณะที่ วสันต์ ลิ่วลมไพศาล ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Blognone.com ก็บอกกับ TODAY LIVE ว่า ทางพรรคเพื่อไทยอาจต้องทำการบ้านเพื่อชี้แจงกับคนไอทีอีกหน่อยว่า จะใช้เทคโนโลยีตัวไหน Blockchain ที่พูดจะเป็นรูปแบบไหน ที่ผ่านมามีการ Wallet เราเห็นภาพ แต่สิ่งที่เพื่อไทย บอกว่า โลกเก่ากับโลกใหม่ โลกเก่าทำได้ยาก แต่ดูแล้วที่บอกว่าก็ทำไม่ได้ยากขนาดนั้น และส่วนตัวมองว่า Blockchain ไม่ได้วิเศษขนาดที่จะป้องกันคอร์รัปชั่นได้ มันเป็นซอฟต์แวร์มันตรวจไม่ได้

(คลิปสัมภาษณ์ตั้งแต่นาทีที่ 16.48)

[‘ประชาธิปัตย์’ ตั้งถามทำไมต้องเป็นดิจิทัล เกี่ยวกับ ‘แสนสิริ’ หรือไม่]

อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้ง 5 คำถามจาก เกียรติ สิทธีอมร คณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ ถึงนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท สรุปได้ดังนี้

1. เงินมาจากไหน และฝากคำถามไปยัง กกต. ว่า ถ้าพรรคการเมืองเสนอนโยบายแบบนี้ จะทำได้หรือไม่ เป็นเพียงการโยนหินถามทางไปวันๆ และผลกระทบเป็นอย่างไร

2. พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับการนำเงินภาษีประชาชนไปแจกคนรวย เพราะในจำนวน 55 ล้านคน อาจมีคนต้องการความช่วยเหลือ 10-15 ล้านคน ส่วนที่เหลือ 35 ล้านคน ไม่ได้ต้องการเงินช่วยเหลือ

3. ทำไมต้องแจกคนอายุ 16 ปีขึ้นไป ถ้าจะช่วยนักเรียนที่ยื่นกู้เงิน กยศ. ยินดีและถือว่าตรงเป้า แต่หากไปช่วยนักเรียนที่ขับรถไปโรงเรียน หรือช่วยนักเรียนที่พ่อแม่ไปส่งทุกวัน ไม่เห็นด้วย เพราะเงินภาษีประชาชนได้มายาก จะนำไปใช้แบบนี้ไม่ได้

4. ภาษีมีจำกัด และภาระของประเทศมีมาก ดังนั้นทุกบาททุกสตางค์ต้องเข้าเป้า ไม่ใช่กระจายแบบเบี้ยหัวแตก จึงเสนอวิธีง่ายๆ คนไหนที่ไม่มีบัญชีธนาคาร เอาเงินไปให้เขา 1 หมื่นบาท หรือคนมีเงินในบัญชีไม่ถึง นำไปเติมให้ครบ 1 หมื่นบาท อันนี้ถือว่าตรงเป้าหมาย และวิธีนี้ง่ายกว่าหรือไม่ ถึงมือประชาชนด้วย โดยไม่ต้องผ่านกระเป๋าดิจิทัลของใครเลย และเงินตรงไปถึงคนที่ต้องช่วยจริงๆ

5. ทำไมต้องเป็นเงินดิจิทัล นายเกียรติ ยังระบุว่า ตนทราบมาว่า บมจ.แสนสิริ (SIRI) ซื้อหุ้น บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ จึงตั้งคำถามว่าคนที่จะขายเงินดิจิทัลเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัวหรือไม่ เพราะวันที่ขายทรัพย์ดิจิทัลไปแจกประชาชนบริษัทนี้รวยทันที

อีกทั้งมีปัญหาว่าร้านค้าพร้อมหรือไม่ที่จะรับเงินดิจิทัล รับแล้วไปขึ้นเงินกับใคร และจะถูกลดค่าเงินหรือไม่ เพราะเงินดิจิทัลทั่วโลกเกิดความผันผวนมาก ถึงขนาดธนาคารในสหรัฐอเมริกาล้ม กระทบธนาคารพาณิชย์ในยุโรปหลายแห่ง จึงคิดว่าเหตุผลดีไม่พอ เห็นแต่ประโยชน์ของบริษัททรัพย์ดิจิทัล แต่ไม่เห็นประโยชน์กับประชาชน และประเทศชาติในแนวทางนี้ ก็ขอให้ช่วยตอบ เพราะเป็นเรื่องใหญ่

“ผมย้ำว่า ถ้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงเป้า ใช้เงินน้อย ได้ผลมาก มีวิธีอื่นเยอะ แต่วิธีนี้ใช้เงินมาก และได้ผลน้อย” นายเกียรติ กล่าว

https://www.facebook.com/Sittheeamorn.Kiat/posts/pfbid0pdbscRuhuaBXbHuiZJsFtNcTUUsm5Aiag45PctUafuqgZzne4KianyDwyiwmMPYsl

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า