Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘พล.อ.ประยุทธ์’ นำทีม ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ร่ายยาวนโยบายชุดใหญ่ครอบคลุมทุกด้าน เศรษฐกิจ สังคม การหารายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท ประกาศพร้อมดูแลคนไทยทุกกลุ่ม ไม่แบ่งแยก สร้างความมั่นคงให้ประเทศ คนไทยอยู่ดีกินดี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงข่าว “ประชาชนจะได้อะไรจากนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ” กล่าวถึง วิสัยทัศน์ที่ดำเนินการมา คือ มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน และอยากให้นโยบายของพรรคเป็นพรรคหลักในอนาคต ถ้าเราสามารถเข้าสภาได้มาก ก็สามารถดำเนินการนโยบายต่างๆได้ดีขึ้นกว่าเดิม

โดยสรุประบุว่า เราคาดหวังว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล ต้องคิดให้รอบคอบ ซึ่งการกำหนดนโยบายต่างๆ เป้าหมายคืออะไร และทางเลือกในการบรรลุเป้าหมายมีอะไรบ้าง แต่ละทางเลือกมีประโยชน์และหางบประมาณมาจากไหน และใครจะได้รับผลประโยชน์บ้างพรรครวมไทยสร้างชาติ มีบุคลากรที่มีคุณภาพ ไม่ใช่พรรคที่มีเฉพาะคนอายุเยอะๆ มีทุกช่วงวัย เราดูแลคนทุกช่วงวัยอยู่ และพรรคมีนโยบายที่ทำได้ ทำให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปากท้องประชาชน มีนโยบายภายใน 1 ปี จะเร่งทำอะไรบ้าง และนโยบายต่างๆที่ทำได้จริง มีการหาข้อมูล มีการสำรวจ หาวิธีการอย่างไร ที่สำคัญใช้งบเท่าไหร่ หาเงินจากที่ไหน

ย้ำการแถลงนโยบายของพรรค ต้องการดูแลคนในทุกกลุ่ม และดูแลแบบพุ่งเป้าไปยังคนเดือดร้อนมากที่สุด และมีการจัดสรรงบประมาณให้พอเพียง ตนไม่ใช่คนเก่งที่สุดในโลก แต่คณะทำงานในพรรคทุกคนเก่งหมด ทำอย่างไรให้ทั่วถึงเป็นธรรม

“วันนี้ต้องการสร้างหลักคิดให้คนทั้งประเทศเข้าใจตรงนี้ว่า บ้านเมืองมีโอกาสอีกเยอะ มีวิกฤตอยู่แค่ข้างล่าง เราต้องด้วยความระวัดระวัง ไม่เช่นนั้นจะล้มทั้งหมด ตอนนี้กำลังต่อเติมสิ่งที่ทำมาหลายปีแล้ว และกำลังต่อจิ๊กซอร์ให้ถึงกัน ความเห็นแตกต่างไม่เป็นไร ยอมรับในเหตุผลและหลักการของแต่ละคนอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เปิดนโยบายชุดใหญ่ 

– หาเงินเข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท ต่อยอดไอเดีย EEC เพิ่มระเบียงเศรษฐกิจอีก 4 ภาค

มาจากนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ในส่วนของการ ทำแล้ว คือ การลงทุนในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีการคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ ที่สมบูรณ์สามารถลดค่าขนส่งสินค้าภายในประเทศ และที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้เป็นอย่างดีมาก ในส่วนของที่ทำแล้วยังมีเรื่องของโครงสร้างดิจิทัลที่สมบูรณ์ ที่ได้ช่วยเยียวยาประชาชนผ่านแอพเป๋าตัง และโครงการคนละครึ่ง ซึ่งไปถึงประชากรมากกว่า 45 ล้านคนที่ได้ประโยชน์

นอกจากนี้ ยังมีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นดิจิทัล หรือระบบกายภาพที่สมบูรณ์ที่รัฐบาลได้ไปปักธงที่ต่างประเทศว่า ประเทศไทยจะลดคาร์บอนให้เหลือ 0% ภายในปี 2050 และไทยจะเป็นประเทศที่ไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด มีการปรับเลี่ยนมาใช้รถ EV ซึ่งรายได้ของประเทศไทยเรา ณ วันนี้ที่ได้จากอุตสาหกรรมรถยนต์ประมาณ 15% ก็จะรักษาไว้ได้แล้วแถมจะต่อยอดออกไปอีก

สำหรับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นอีก 15% ของผลผลิตมวลรวมประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของไมโครชิพ เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมใหม่ที่จะหารายได้เข้าประเทศ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่เราขับเคลื่อนอยู่ ซึ่งก็คือเศรษฐกิจ BCG ( เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ที่ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) โดยจะขยายแนวคิดของ BCG ให้เป็นอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ นอกจากนี้จะต่อยอดไอเดียของ EEC คือระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางประตู่สู่อาเซียนและจีนตอนใต้

ในส่วนของการท่องเที่ยว ได้ออกวีซ่าระยะยาว 10 ปี เพื่อเชื้อเชิญชาวต่างชาติที่มีศักยภาพให้มาลงทุน ให้มากินอยู่ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนไทย ส่วนนี้ก็จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะเอาเข้ามาในประเทศ ซึ่งการท่องเที่ยวระยะยาวประเทศไทยเราพร้อมมากกับการสร้างรายได้ให้ประเทศชาติเพิ่มเติม และเป็นการเพิ่มองค์ความรู้ให้กับคนไทย เพิ่มโอกาสของประเทศในการค้าขาย และก็เพิ่มโอกาสของประเทศในการเข้าสู้เวทีโลกอีกด้วย
ทั้งนี้การเพิ่มรายได้ให้ประเทศปีละ 4 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจโตปีละ 5% รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,0000 บาท สามารถสร้างงานเพิ่มได้ 6.25 แสนตำแหน่ง

นโยบายแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน แช่แข็งหนี้สูงสุด 3 ปี แก้กฎหมายเครดิตบูโรให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ และตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน 3 หมื่นล้าน

หนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่สะสมมานาน นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติเราจะให้ความสำคัญกับเรื่องหนี้ ประกอบด้วย แช่แข็งหนี้สูงสุด 3 ปีตามเงื่อนไขโครงการ แก้กฎหมายเครดิตบูโรให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ แก้หนี้นอกระบบและมีที่พึ่งยามยากด้วยกองทุนฉุกเฉินประชาชน 3 หมื่นล้านเพื่อปลดพันธนาการเงินนอกระบบ สมาชิกสหกรณ์สามารถใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้และใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้ แก้หนี้โควิดจบใน 12 เดือน แก้หนี้กยศ. แก้หนี้กองทุนหมู่บ้าน และหนี้ภาครัฐด้วยงาน

เรื่องของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ผู้ที่เป็นหนี้และผู้ค้ำประกัน กยศ. ปัจจุบัน 6,800,000 ราย ได้รับการแก้ไขกลับสู่สภาพปกติแล้ว

พ.ร.บ.ทวงหนี้ ปัจจุบันได้กำหนดเพดานในหลักพันบาท ไม่ว่าเรื่องสินเชื่อเช่าซื้อที่มีประชาชนเป็นลูกหนี้กว่า 20 ล้านราย จะมีธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง เป็นผู้กำกับดูแล ส่วนสหกรณ์ออมทรัพย์ของข้าราชการครู หรือข้าราชการอื่นๆ ดอกเบี้ยจะลดลงเพื่อให้พวกเขาเหล่านี้มีเงินเหลือไม่ต่ำกว่า 30 % ส่วนหนี้สินที่เกิดจากกรณีโควิด-19 ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดของประชาชน แต่เกิดจากเหตุการณ์โรคระบาดส่วนนี้จะแก้ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยผู้กู้กว่า 3,000,000 รายก็จะได้รับการดูแล

นอกจากนี้ จะมีการแก้ไขกฏหมายเพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม หรือ กบข. สามารถนำเงินสมทบ 30% ออกมาใช้ได้ก่อนเพื่อลดภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ และเพื่อใช้ในยามจำเป็นและฉุกเฉิน รวมถึงการรื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำกิน เช่น แก้กฎหมายได้ที่ทำกินโดยไม่ถูกไล่ที่ไม่ถูกฟ้อง และ พ.ร.บ.ความสะดวกลดขั้นตอนทางกฎหมาย 1,100 ขั้นตอน

นโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้ทุนช่วยนักเรียนยากจนได้เรียนหนังสือจนจบมัธยม ช่วยผู้สูงอายุคนพิการมีที่อาศัย ในส่วนนี้ ได้เน้นในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องของเด็กที่มีมากถึง 50% ที่เริ่มต้นเรียน ป. 1 แต่ไม่สามารถจบการศึกษาระดับมัธยมปลายได้เพราะยากจน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ทุนตั้งแต่ปี 2563 – 2566 เป็นเงิน 28,000 ล้านบาท ทำให้เด็กที่ไม่สามารถเรียนต่อจำนวน 3,000,000 คน สามารถมีเงินไปเรียนหนังสือจนจบชั้นมัธยมปลายได้นอกจากนี้ ยังมีนโยบายในการสร้างเด็กไทย ด้วยโครงการ “อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน” และมอบทุนการศึกษาอาชีวะ 100 ทุน ต่อ 1 อำเภอ (เขต) รวมถึงโครงการ “เรียนจบมีงานทำ”

นอกจากนี้ ได้ดูแล ผู้สูงอายุ คนพิการ ที่มีที่พักอาศัยไม่เหมาะสม ก็ได้ไปซ่อมแซมให้มีความเหมาะสม 180,000 ครอบครัว และยังทำต่อเนื่องทุก ๆ ปี พร้อมยังได้หาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด โครงการบ้านเช่า เดือนละ 999 บาท ครอบคลุม 13,000 ครอบครัว และขณะนี้มีโครงการที่อยู่ในขั้นตอนก่อสร้างและในอนาคตจะทำให้ครบ 100,000 หลัง ในส่วนของแม่และเด็กอ่อนได้ดูแลเด็กแรกเกิดให้ได้รับการช่วยเหลือค่านมเดือนละ 600 บาท เพื่อให้เด็กอ่อนมีการพัฒนาการที่เหมาะสม

สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย จะต่อยอดโครงการ “บ้านสุขประชา” เพื่อให้ประชาชนมีบ้านและมีงานทำ มีโครงการสินเชื่อบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย เฟส 3 ทำโครงการบ้านมั่นคง ริมคลองเปรมประชากร และฟื้นฟูแฟลตดินแดง เฟส 2
ในส่วนของปัญหาสังคมได้จัดให้มีศูนย์ช่วยเหลือประจำตำบลและชุมชนทั่วประเทศกว่า 7,000 ศูนย์ ด้วยการบูรณการทุกกระทรวงในรูปแบบของแอปพลิเคชั่นแจ้งเหตุ เมื่อมีเหตุสามารถปักหมุดหยุดเหตุ เริ่มดำเนินการไปเมื่อ 1 เมษายน 2566 และจะขยายไปทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนนี้สถานีตำรวจ 1,483 แห่ง ร่วมกับศูนย์ชุมชนอีก 7,000 แห่ง ดูแลบริหารกันเองไม่ได้ใช้งบประมาณแม่แต่บาทเดียว ศูนย์นี้เป็นศูนย์ที่ช่วยลดความรุนแรงในครอบครัว และแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยรัฐบาลได้เข้าไปช่วยสนับสนุนส่งเสริม เพื่อให้เกิดความสงบ และเกิดความเท่าเทียมกันในครอบครัว

นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง โครงการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรีเพื่อลดราคาน้ำมัน โครงการลดต้นทุนเกษตรกร ช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาทไม่เกิน 5 ไร่ โครงการปุ๋ย ไฟฟ้า น้ำมันราคาถูกสำหรับเกษตรกร แก้กฎหมายประมง ดูแลประมงพื้นบ้าน ปรับการทำงานหน่วยงานของรัฐให้เกิดความเป็นธรรม
บัตรสวัสดิการพลัสให้เงิน 1 พันบาทต่อเดือน ทำต่อโครงการคนละครึ่งภาค 2 เดินหน้าเราเที่ยวด้วยกัน

นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยมีประชาชนได้รับสิทธิถึง 14.6 ล้านคน พรรครวมไทยสร้างชาติจะนำนโยบายนี้มาทำต่อเป็นโครงการบัตรสวัสดิการพลัส โดยโครงการนี้จะจ่ายให้พี่น้องประชาชน 1,000 บาทต่อเดือน ที่สำคัญคือประชาชนสามารถใช้บัตรนี้ไปกู้เงินฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท

ส่วนโครงการคนละครึ่ง ทั้ง 5 เฟส มีประชาชนเข้าร่วมถึง 26 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 4 แสนล้านบาท รัฐบาลใช้เงินไป 2 แสนล้านบาท ประชาชนออกประชาชนออกเงินเอง 2 แสนล้านบาท  พรรคจะนำมาทำต่อโดยจะทำโครงการคนละครึ่ง ภาค 2 โดยมีแอพเป๋าตังซึ่งเป็นรัฐบาลเดียวที่คิดเรื่องนี้มาก่อน ประชาชน 26 ล้านคน สามารถใช้แอพเป๋าตังได้ และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการเกือบ 2 ล้านราย

นโยบายลดค่าครองชีพ ประกอบด้วย โครงการแท็กซี่เพื่อสังคม หักลดหย่อนภาษี ค่ารักษาพยาบาล ตนเองและพ่อแม่ สูงสุด 6 หมื่นบาท ออมเงินพร้อมหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF

นโยบายลดฝุ่น PM.2.5 ด้วยการตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหาแบบ Single Command รวม PM.2.5 เพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า รถอีวี ใช่พลังงานสะอาด 50%

นโยบายโคเงินล้าน-โคล้านครอบครัว ให้กู้เงินซื้อโคมาเลี้ยงแบบปลอดดอกเบี้ยทำให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจนแบบไม่ขายฝัน ซึ่งนโยบายนี้ จะทำให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจน และสามารถเป็นคนรวยได้โดยวิธีง่าย ๆ จากการเลี้ยงโค โดยให้กู้เงินจากกองทุนหมู่บ้านวงเงิน 50,000 บาท นำมาซื้อโคเพศเมีย 2 ตัวไปเลี้ยง

ในปีแรกจะมีโค 4 ตัว ปีที่ 2 กลายเป็นโค 6 ตัว ปีที่ 3 จะกลายเป็นโค 10 ตัว นี่คือโครงการที่จะทำให้ประชาชนจับเงินแสนได้ด้วยวิธีง่าย ๆ แต่ถ้าอยากจับเงินล้าน เลี้ยงโคไปถึง 6 ปี จะมีโคทั้งสิ้น 42 ตัว จะเป็นเงิน 1,050,000 บาท นี่คือโครงการโคเงินล้านที่ทำได้จริง โครงการนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติ วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐอุดหนุนดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ปี เป็นเงิน 600 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านนำร่องโครงการนี้ 100,000 ครอบครัว โดยโครงการนี้ ได้ทำแล้ว ลองแล้ว และสำเร็จแล้ว โดยให้ประชาชนยืมเงินกองทุนหมู่บ้านไปซื้อโค 1,000 ครอบครัว สำเร็จทั้ง 1,000 ครอบครัว

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า