Trump Effect? เมื่อ ‘อีลอน มัสก์’ ขึ้นแท่นคนรวยที่สุดในโลก มหาเศรษฐีคนแรกที่ครองสินทรัพย์เกิน 4 แสนล้านดอลลาร์

คงไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า ความสัมพันธ์อันดีทางการเมืองระหว่างนักธุรกิจจะไม่เอื้อประโยชน์ ‘บางอย่าง’ ให้กับธุรกิจ, ซีอีโอ หรือเจ้าของบริษัทเลย สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ‘อีลอน มัสก์’ ล่าสุดถือเป็นกรณีศึกษากระแส ‘Trump Effect’ ในเชิงบวกได้ค่อนข้างดี จากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเผยในมุมเชิงลบมาเยอะแล้ว

โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ ‘อีลอน มัสก์’ พุ่งสูงสุดอยู่ที่  455,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ตามข้อมูลของ Bloomberg Billionaires Index เขาถือว่าเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์โลกที่มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ประเมินว่า เบื้องหลังมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์ของเขา มาจากข้อตกลงบางอย่างที่ทำให้ SpaceX ทุบสถิติสร้างมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 350,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากมีดีลขายหุ้นภายในบริษัทมูลค่ารวมสูงสุด 1,250 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งราคาหุ้นได้ปรับขึ้นเป็น 185 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากเดิมที่มีมูลค่าราว 112 ดอลลาร์ ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน

[ ความสัมพันธ์ ‘ทรัมป์-มัสก์’ เธอช่วยฉัน = ฉันช่วยเธอ ]

ต้องย้อนไปช่วงที่ อีลอน มัสก์ ยอมควักเงินกว่า 250 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วย ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา จนสุดท้ายก็คว้าชัยชนะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ตามคาด

Bloomberg วิเคราะห์ว่า ความร่วมมือระหว่างอีลอน มัสก์ กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีส่วนทำให้ธุรกิจของมัสก์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น มีหลายคนที่รู้จักเขาผ่าน TESLA แต่ตอนนี้ SpaceX กลายมาเป็นธุรกิจม้ามืดในสหรัฐฯ ที่กำลังมาแรง และหลายคนต้องการร่วมทุน

นอกจากนี้ธุรกิจอื่นๆ ยังพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย ตั้งแต่ X, Neuralink, xAI บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI และ Boring Company บริษัทให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้างอุโมงค์ในสหรัฐฯ เป็นต้น

หรือในแง่ของราคาหุ้นของ TESLA ‘TSLA’ ที่วันนี้ (16 ธันวาคม 2567) ราคาดีดขึ้นมาเป็น 436.23 ดอลลาร์ จากเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ราคาตลาดปิดอยู่ที่ 424.77 ดอลลาร์ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อตลาดวันนี้ปิดลง

ในภาพรวมแนวโน้มความน่าเชื่อถือของธุรกิจอีลอน มัสก์ โดยเฉพาะ TESLA กับ SpaceX ในมุมมองของนักลงทุนค่อนข้างดี

นักลงทุนหลายคนเชื่อมั่นว่า มัสก์ ค่อนข้างมีบทบาทในรัฐบาลทรัมป์ รวมไปถึงการผลักดันการยกเลิกกฎระเบียบต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อภาคธุรกิจด้วย เช่น การรื้อระบบราชการ, ลดขั้นตอนและกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นต่อธุรกิจหรือการลงทุน รวมไปถึง ลดค่าใช้จ่ายบางอย่างที่สิ้นเปลือง ซึ่งรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์น่าจะแฮปปี้

อย่าลืมว่าทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ ต่างก็เป็น ‘นักธุรกิจ’ ดังนั้น การแก้กฎระเบียบบางอย่างที่เอื้อต่อธุรกิจ พร้อมส่งเสริมสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในอเมริกาล้วนเป็นเรื่องดี

อย่างเช่น ประเด็นที่ยังค้างคาของอีลอน มัสก์ เกี่ยวกับเป้าหมายการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร ตั้งแต่ประธานาธิบดีสมัยก่อนที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก ‘Doge’ หรือ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารรัฐบาลชุดใหม่ (Department of Government Efficiency) ซึ่งอีลอน มัสก์ มีส่วนเข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ น่าจะสานฝันของเขาให้เป็นจริงได้ในอนาคต

คงต้องมารอดูหลังวันที่ 20 มกราคม 2025 ว่าคำปราศัยหลังชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ และขั้วอำนาจของอีลอน มัสก์ จะมากน้อยแค่ไหนในรัฐบาลชุดนี้ เพราะหากเป็นไปตามที่หลายคนวิเคราะห์ตอนนี้สินทรัพย์ของมัสก์ มีโอกาสที่จะเพิ่มทะลุไปถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ได้เลย หากอัตราการเติบโตของธุรกิจหลักๆ เดินหมากธุรกิจถูกทาง