SHARE

คัดลอกแล้ว

อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน คนสนิทประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยุติบทบาทในคณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล’ (Special Government Employee) มาดูแลหน่วยงานประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE ที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ แต่กลับเป็นหน่วยงานที่กลายเป็นศูนย์กลางของความวุ่นวายตลอดกว่า 4 เดือนที่ผ่านมา

มัสก์ประกาศบน  X หรือทวิตเตอร์เดิมว่าการตัดสินใจยุติบทบาทในรัฐบาลเป็นเพราะว่าภารกิจของเขาสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว

เมื่อกำหนดเวลาของผมในฐานะเจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาลสิ้นสุดลง ผมขอขอบคุณท่านประธานาธิบดี @realDonaldTrump สำหรับโอกาสที่ให้ช่วยลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

แม้จะฟังดูมีเหตุผล แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า นี่คือเหตุผลที่แท้จริงของการยุติบทบาทครั้งนี้หรือไม่?

 

ปิดฉากบทบาทในรัฐบาล หลัง 130 วันแห่งความปั่นป่วน

แม้ว่าการยุติบทบาทในรัฐบาลสหรัฐฯ ของ อีลอน มัสก์ จะเป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุให้เจ้าหน้าที่พิเศษ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สูงสุด 130 วันในหนึ่งปีปฏิทิน ซึ่งหากตั้งแต่วันที่ทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 20 มกราคม และประกาศตั้ง DOGE ขึ้นมา โดยให้มัสก์เป็นคนดูแล นับมาจนเมื่อวานนี้ คือ 29 .. ซึ่งมัสก์ประกาศถอนตัวออกจากฝ่ายบริหารของรัฐบาลทรัมป์ ก็เท่ากับครบ 130 วัน ตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้

แต่ยังคงมีคนตั้งข้อสงสัยว่าการตัดสินใจถอนตัวครั้งนี้อาจมีเหตุผลมาจากเกิดปัญหาอะไรบางอย่างระหว่างมัสก์กับคนในรัฐบาลทรัมป์เนื่องจากก่อนหน้านี้เริ่มมีสัญญาณแปลกๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมัสก์กับทำเนียบขาวปรากฏผ่านสื่ออยู่บ้างเช่นมีข่าวว่าเขามีปัญหากระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวหลายคน

ถึงกระนั้น จุดที่ฟางเส้นสุดท้ายจริงๆ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะร่างกฎหมายงบประมาณที่ทรัมป์เรียกว่าเป็นร่างกฎหมายที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม’ (Big Beautiful Bill) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ร่างกฎหมายยิ่งใหญ่และสวยงาม แต่ทำลายสิ่งที่ DOGE พยายามมา

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะมัสก์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายงบประมาณของทรัมป์อย่างดุเดือด โดยระบุว่าเขาผิดหวังกับร่างกฎหมายดังกล่าวมาก เพราะว่ามันจะทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณมากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ก็จะเท่ากับเป็นการ บ่อนทำลายงานที่ DOGE พยายามทำมาทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น มัสก์ยังพูดเหน็บแนมไปถึงทรัมป์ด้วยว่า ร่างกฎหมายที่ถูกเรียกว่ายิ่งใหญ่และสวยงาม จริงๆ แล้ว กฎหมายจะยิ่งใหญ่ หรือสวยงาม ก็ควรจะต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งผมไม่รู้ว่าจะเป็นทั้งสองอย่างได้หรือไม่ซึ่งเป็นคำพูดที่สะท้อนถึงความเห็นต่างอย่างรุนแรงระหว่างมัสก์กับทรัมป์อย่างชัดเจน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังดูเหมือนว่า รอยร้าวที่เกิดขึ้นก็ยิ่งชัดมากขึ้นไปอีก เพราะเขาไม่ได้แค่วิจารณ์ร่างกฎหมายงบประมาณอย่างเดียว เพราะเขาได้ไปพูดในรายการ CBS Sunday Morning ซึ่งมีการเผยแพร่ตัวอย่างรายการออกมา ก่อนจะออกอากาศรายการเต็มในวันอาทิตย์นี้ (1 มิ..) ระบุว่า ในช่วงที่ทำงานในรัฐบาล ตัวเขาเองก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกับคณะบริหารของทรัมป์ในช่วงเวลาที่เขาทำงานในรัฐบาลผมไม่ได้เห็นด้วยกับทุกเรื่องที่ฝ่ายบริหารทำ มีบางเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงและผมก็ค่อนข้างอึดอัดที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะไม่อยากพูดอะไรโจมตีฝ่ายบริหาร แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการรับผิดชอบทุกเรื่องที่ฝ่ายบริหารทำ

แรงกดดันจากรอยร้าวกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล

นอกจากความขัดแย้งกับทรัมป์และรัฐบาลแล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นเหตุผลที่มัสก์ ตัดสินใจยุติบทบาทในทำเนียบขาว หนึ่งในนั้นคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มัสก์เจอมาตลอดจากโครงการ DOGE เพราะในเวลาแค่ 4 เดือนเศษๆ การดำเนินการของ DOGE สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯหลายหน่วยงานทั้งจากการปรับลดงบประมาณสั่งปิดหน่วยงานไล่พนักงานรัฐออกจากตำแหน่งจำนวนมาก

ไม่ว่าจะเป็น ความพยายามยุบโครงการมอบช่วยเหลือและพัฒนาต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ USAID จนให้สำนักงานหลักของ USAID ในวอชิงตัน ดี.ซี. ถูกปิดตัวลง พนักงานกว่า 1,600 คนถูกไล่ออก ส่วนอีก 4,700 คนถูกพักงาน

นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ ความพยายามเข้าถึงข้อมูลละเอียดอ่อนของกระทรวงการคลัง โดยไม่เหมาะสม ทำให้คะแนนนิยมของมัสก์ดิ่งลงอย่างหนัก จากผลสำรวจของ The Washington Post และ ABC News พบว่า คะแนนนิยมของเขาจากงานกับรัฐบาลทรัมป์อยู่ที่แค่ 35% เท่านั้นและที่แย่กว่านั้นก็คือสิ่งที่มัสก์ต้องเผชิญหลังจากเข้าไปร่วมงานกับรัฐบาลไม่ใช่แค่คะแนนนิยมของตัวเขาที่ลดลงแค่นั้นแต่เขายังต้องเผชิญกับคำถามมากมายว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรหรือไม่

และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก คือในช่วงที่มัสก์ไปทุ่มเทเวลาให้กับ DOGE ปรากฏว่าราคาหุ้นของเทสลา ซึ่งเป็นธุรกิจของเรา ‘Tesla’ ดิ่งลงถึงระดับแย่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 เพราะนักลงทุนมองว่ามัสก์มัวแต่ไปวุ่นกับเรื่องของรัฐบาลจนไม่ได้โฟกัสกับการบริหารธุรกิจของตัวเองมากเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกตั้งสังเกต และคาดเดากันไป ยังไม่ได้มีการแถลงอะไรอย่างเป็นทางการออกมาจากทั้งมัสก์ ทำเนียบขาว หรือประธานาธิบดีทรัมป์ 

อนาคต  DOGE หลังมัสก์ถอนตัว จะไปทางไหนต่อ?

คำถามที่สำคัญคือ หลังจากที่มัสก์ยุติบทบาทไปแล้ว อนาคตของ DOGE จะเป็นอย่างไรต่อเพราะตอนนี้ ก็ยังไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรจากทรัมป์ ว่าเขามีสัญญาณจะแต่งตั้งใครมาแทนที่มัสก์

คอลลีน กรัฟฟี เป็นอดีตนักการทูตสหรัฐฯ และศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจาก Pepperdine University แสดงความเห็นความเห็นถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับ DOGE ว่า เธอมองว่า อนาคตของ DOGE อาจจะค่อยๆสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อยๆ

ศาสตราจารย์คอลลีน บอกกับ Al Jazeera ที่มองว่า DOGE จะสั่นคลอนในวันข้างหน้า ก็เพราะอำนาจของ DOGE มาจากชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างมัสก์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอย่างทรัมป์เมื่อขาดคนใดคนหนึ่งไป หน่วยงานนี้ก็ยากจะรักษาเสถียรภาพไว้ได้

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์คอลลีน บอกว่า แต่เธอไม่ได้คิดว่า DOGE จะถึงขั้นที่จะต้องปิดตัวไปทันทีเลย หลังจากมัสก์ยุติบทบาท คือ DOGE น่าจะดำเนินการต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็น่าจะต้องถูกปิดไป เพราะดูๆ แล้ว อนาคตน่าจะยากที่จะมีใครเข้ามารับตำแหน่งแทนมัสก์ได้ เนื่องจาก ที่ผ่านมา DOGE มีทั้งความขัดแย้งและถูกฟ้องร้องมีคดีฟ้องร้องอยู่หลายคดีคนที่จะมารับตำแหน่งต่อจึงหมายถึงจะต้องเข้ามาสะสางปัญหาทั้งหมด

สุดท้ายแล้ว DOGE จะดำเนินการไปต่อ หรือว่าถูกปิดตัวลง คงเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นแล้วตอนนี้ คือแค่เวลา ร้อยกว่าวันที่หน่วยงานนี้อยู่ภายใต้การบริหารของมัสก์ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างมาก และดูเหมือนว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก็ไม่ได้พัฒนาไปในทางที่ดีนัก

ศาสตราจารย์คอลลีน ซึ่งเป็นอดีตนักการทูตสหรัฐฯ พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก DOGE  เกิดขึ้นมา เปรียบเทียบแบบเผ็ดร้อนเลยว่ามรดกที่มัสก์ทิ้งไว้กับ  DOGE  แทบจะไม่ต่างกับเวลาที่จรวด space X ของเขาถูกยิงขึ้นไปบนอากาศและระเบิดหลังจากนั้นไม่นาน

อธิบายง่ายๆ ก็คือ ศาสตราจารย์คอลลีน พยายามเปรียบว่า จรวดที่ระเบิดกลางอากาศ เท่ากับล้มเหลว ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย  ต่างกันตรงที่ ความล้มเหลวของจรวด สิ่งที่ต้องเสียไปก็คือเงินที่ใช้สร้างจรวด แต่สำหรับ DOGE แลกมาด้วยสิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น ก็คือ ราคาของมันถูกจ่ายด้วยชีวิตมนุษย์

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า