หลังจากพักเบรกเรื่องขายหุ้นไปไม่กี่วัน ล่าสุดในวันนี้ (24 พ.ย. 2564) ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก กลับมาเดินหน้าขายหุ้นในบริษัทเทสลาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งรวมแล้วในตอนนี้ มัสก์ขายหุ้นเทสลาไปเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของที่เขาสัญญาไว้ในทวิตเตอร์ว่าจะขายหุ้นเทสลา 10% แล้ว
โดยจากข้อมูลที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ระบุว่า อีลอน มัสก์ได้ขายหุ้นเพิ่มอีก 934,091 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 1.05 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.5 หมื่นล้านบาท โดยการขายหุ้นดังกล่าวนั้นเป็นไปเพื่อให้ครอบคลุมเกี่ยวกับภาษี
และการขายหุ้นทิ้งครั้งล่าสุด ทำให้ในตอนนี้มัสก์ขายหุ้นเทสลาออกไปแล้ว 9.2 ล้านหุ้น และได้เงินสดมาประมาณ 9.9 พันล้านเหรียญ นับตั้งแต่ที่เขาทำโพลสำรวจความเห็นบนทวิตเตอร์ว่าเขาควรขายหุ้นเทสลา 10% ออกไปหรือไม่ เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งไปเสียภาษี
เพื่อให้ถึงเป้าหมาย 10% ตามที่ประกาศไว้ มัสก์จะต้องขายหุ้นประมาณ 17 ล้านหุ้น หรือราว 1.7% ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นเทสลาครั้งแรกของมัสก์ในปีนี้นั้นเป็นการขายหุ้นตามแผนการซื้อขายล่วงหน้าที่จัดทำขึ้นมาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564 ซึ่งโพลบนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ของเขาไม่ได้เปิดเผยถึงแผนดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่หุ้นเทสลาดีดตัวขึ้น 9.4% หลังจากร่วงลงไปในช่วงแรกหลังจากที่มีการสร้างโพลดังกล่าว
ทั้งนี้ มัสก์ในวัย 50 ปี เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สิน 3.04 แสนล้านเหรียญ ตามการจัดอันดับของบลูมเบิร์ก โดยในปีนี้เขามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 1.34 แสนล้านเหรียญ เนื่องจากหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นถึง 57%
ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-11-24/musk-has-now-sold-more-than-half-the-stock-he-vowed-on-twitter?sref=LQZclhPm