SHARE

คัดลอกแล้ว

อีลอน มัสก์ กลายเป็นบุคคลที่ได้รับการประเมินว่ามีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกคนล่าสุด จากการที่ราคาหุ้นเทสลาปรับตัวขึ้น

สื่อทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับมูลค่าทรัพย์สินที่เขามี โดยเฉพาะสำนักข่าวอย่าง BBC ที่ตัดสินใจนำบทสัมภาษณ์ของเขาเมื่อปี 2014 มาเผยแพร่อีกครั้ง เพื่อย้อนดูว่า อีลอน มัสก์ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เคยกล่าวไว้ว่าอย่างไรบ้าง

ณ ตอนนั้น หลายคนมองว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่เป็นเรื่องเพ้อฝัน และยากที่จะประสบความสำเร็จ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ สิ่งที่ อีลอน มัสก์ ตั้งใจจะทำ บางเรื่องเริ่มกลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว

อะไรคือสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของซีอีโอของเทสลา สเปซเอ็กซ์ และอีกหลายบริษัท ให้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เราจะลองย้อนไปดูกัน

 

มุมมองเรื่องความรวย 

อีลอน มัสก์ ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีเงินล้านตั้งแต่อายุ 32 ปี เขาสามารถที่จะขายหุ้นทั้งหมดในมือ และไม่ต้องทำงานอีกเลยทั้งชีวิตก็ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่หลายคนอาจมองว่าเพ้อฝัน คือการสร้างเทคโนโลยีที่ส่งผลดีต่อโลก ซึ่งหากถูกปล่อยปละละเลยไม่แก้ปัญหา อาจส่งผลเสียต่อมนุษย์ได้ในอนาคต

ความฝันสูงสุดของเขาคือ การส่งมนุษย์ไปตั้งรกรากบนดาวอังคาร นั่นคือเป้าหมายระยะยาวของเขา ในการรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ ส่วนเป้าหมายก่อนจะไปถึงตรงนั้น คือการผลักดันเทคโนโลยีที่ทำให้โลกดีขึ้น

ตอนที่เขาลงทุนในสเปซเอ็กซ์และเทสลา เขาไม่คิดว่าทั้งสองบริษัทจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่างที่อาจไม่สามารถควบคุมได้ แต่เขาก็ยังยินดีที่จะให้เงินลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อทำในสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่กล้าเสี่ยงดู

สำหรับนักธุรกิจบางคน มูลค่าทรัพย์สินและการงอกเงยของเงินลงทุนอาจเป็นตัวชี้วัดว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ อีลอน มัสก์ กลับบอกว่า เขาไม่ทราบจำนวนทรัพย์สินที่อยู่ในมือ โดยเมื่อครั้งที่ให้สัมภาษณ์ เขาไม่ได้คำนวณมูลค่าหุ้นมาพักหนึ่งแล้ว

ทรัพย์สินของเขาไม่ได้มาจากการมีเงินมหาศาล เขาแค่มีสิทธิ์ออกเสียงในธุรกิจที่เขาถือหุ้นอยู่ ซึ่งตลาดเป็นผู้ประเมินมูลค่าสิทธิ์ออกเสียงเหล่านั้น และเงินไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จ

“ผมไม่ได้มีเงินกองใหญ่เก็บเอาไว้ ผมแค่มีสิทธิ์ออกเสียงในเทสลา สเปซเอ็กซ์ และ โซลาร์ซิตี้ ซึ่งตลาดเป็นผู้ประเมินมูลค่าสิทธิ์ออกเสียงเหล่านั้น”

“ผมไม่ได้ต่อต้านการไขว่คว้าความร่ำรวย ตราบใดที่เป็นไปตามจริยธรรมและมารยาทที่ดี แต่นั่นไม่ใช่แรงบันดาลใจอันดับแรกของผม”

 

บริหารความเสี่ยงฉบับ อีลอน มัสก์

บางคนอาจมองว่าเขาเสี่ยงเกินไปที่ทุ่มเงินลงทุนมหาศาล ในธุรกิจที่ ณ ตอนนั้นเป็นเรื่องใหม่เอามากๆ

แต่สิ่งที่ อีลอน มัสก์ คิดในตอนนั้นคือ เขาต้องการเก็บเงินที่มีไว้เพียงครึ่งเดียว และทำใจล่วงหน้าที่จะเสียเงินอีกครึ่งหนึ่งไปทั้งหมด นับเป็นความกล้าได้กล้าเสียอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในปี 2008 ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจไปทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะฟองสบู่แตกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ทำให้ระบบการเงินการธนาคารต่างได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน

เงินครึ่งหนึ่งของ อีลอน มัสก์ ที่ตั้งใจว่าจะใช้ในการดำเนินธุรกิจ กลับมีไม่เพียงพอเสียแล้ว เขาเหลือสองทางเลือกคือ

1.เก็บเงินเอาไว้ และปล่อยให้ธุรกิจตายไป

2.นำเงินส่วนตัวที่เหลือมาลงทุน เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจอยู่รอด

สำหรับนักธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับเงินเป็นหลัก ตัวเลือกที่ 1 เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด เพราะแม้ว่าธุรกิจจะล้ม แต่อย่างน้อยเขาจะยังมีเงินอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ซึ่งเขาได้เตรียมใจรับความเสี่ยงไว้แล้วตั้งแต่วันแรกที่ลงทุน อีกทั้งยังไม่มีอะไรการันตี ว่าธุรกิจสำหรับโลกอนาคตของเขาจะยังฝ่าวิกฤตไปต่อได้

แต่สำหรับชายที่ชื่อ อีลอน มัสก์ แทนที่จะเลือกเก็บเงินไว้ แล้วรอให้วิกฤตผ่านพ้นไปก่อน เขากลับตัดสินใจทำตามตัวเลือกที่ 2 คือการนำเงินส่วนตัวมาใส่เพิ่ม เพื่อให้ธุรกิจของเขาอยู่รอด เป็นทางเลือกที่สร้างโอกาสให้เขาได้มุ่งหน้าทำตามสิ่งที่ฝันไว้ต่อไป

 

อุปสรรคและคำสบประมาท 

หากเรามอง อีลอน มัสก์ ในวันนี้ วันที่เขาประสบความสำเร็จกลายเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ทุกอย่างล้วนดูสวยงามไปเสียหมด

แต่เมื่อย้อนกลับไปในปี 2008 นอกจากวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว เขายังต้องเจอกับปัญหาอีกหลายด้าน ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

ภารกิจส่งจรวด Falcon 1 ของสเปซเอ็กซ์ขึ้นสู่วงโคจรประสบความล้มเหลว 3 ครั้งติดต่อกัน กระบวนการผลิตรถยนต์ของเทสลามีปัญหา และ อีลอน มัสก์ ตัดสินใจแยกทางกับภรรยาที่แต่งงานกันมา 8 ปี ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกันภายในระยะเวลาแค่ปีเดียว

นอกจากปัญหาที่กล่าวมาแล้ว อีลอน มัสก์ ยังต้องเจอคำครหาจากผู้คนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อม และมองว่าเขาหยิ่งผยองเกินไป ทั้งเรื่องการปฏิวัติวงการรถยนต์ไฟฟ้า สร้างจรวดอวกาศ ตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร รวมไปถึงการเสนอแนวคิดระบบขนส่งสาธารณะแบบใหม่ที่มีชื่อว่า ไฮเปอร์ลูป

เขายอมรับว่า มันคงเป็นการหยิ่งผยองจริงๆ หากประกาศว่า เขาและทีมงานจะทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงคือ พวกเขาเพียงแค่ต้องการที่จะทำสิ่งนั้น ซึ่งเป็นสองประโยคที่มีความหมายต่างกัน

และในวันนี้ สิ่งที่คนมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน กลับกลายเป็นความจริงไปครึ่งหนึ่งแล้ว

 

สิ่งแวดล้อม vs ความสะดวกสบาย 

ขณะที่ผู้นำประเทศหรือนักธุรกิจชั้นนำบางคนมองว่า การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไร้สาระ และอาจเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเสียเปรียบทั้งในทางเศรษฐกิจและธุรกิจ

แต่ อีลอน มัสก์ เลือกที่จะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์

เขายอมรับว่าให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และมองว่าหากไม่จัดการเสียตั้งแต่วันนี้ จะมีผลกระทบตามมาในอนาคต

ทุกคนรู้ดีว่าในวันใดวันหนึ่ง น้ำมันจะต้องหมดไปจากโลก หรืออย่างน้อยก็จะหาแหล่งขุดได้ยากขึ้นเรื่อยๆ การมองหาแหล่งพลังงานทดแทนจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ในขณะเดียวกัน เขาเองก็ไม่ใช่นักอนุรักษ์ที่จะรณรงค์ให้งดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศโดยสิ้นเชิง แต่มองว่ามนุษย์สามารถดูแลสิ่งแวดล้อม และมีชีวิตที่ดีไปพร้อมกันได้

เมื่อ 7 ปีที่แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าดูจะเป็นสิ่งที่ห่างไกลเกินเอื้อม ถ้ามีใครบอกว่าวันนี้เทสลาจะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก คงมีหลายคนที่พร้อมจะออกมาแสดงความเห็นตรงกันข้าม

แต่มาถึงวันนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากลายเป็นเทรนด์ ที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกจำเป็นต้องปรับตัวเข้าหาเทรนด์ใหม่นี้จนได้

 

เลือกทำสิ่งที่ไม่มีใครทำ 

คำถามที่ทำให้ อีลอน มัสก์ ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา คือคำถามที่ว่า ทำไมเขาจึงเลือกจะทำสิ่งยากๆ ที่หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงต้องท้าทายตัวเองขนาดนั้น

สิ่งที่เขาตอบมาก็คือ สิ่งเหล่านั้นเป็นปัญหาสำคัญ ที่ดูเหมือนไม่มีใครพยายามแก้ เขาจึงอยากลองทำเพื่อให้โลกนี้มีอนาคตที่ดียิ่งขึ้น

ในฐานะนักลงทุน เขาไม่ได้มองหาธุรกิจทั่วไปที่จะทำให้เงินของเขางอกเงย แต่กลับมองไปที่ปัญหาเชิงเทคนิค ที่ตัวเขาคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ และก่อนที่เขาจะนำเสนอโครงการให้นักลงทุนคนอื่น เขาเองก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นด้วยการลงทุนเองเสียก่อน

แทนที่จะตายไปพร้อมกับทรัพย์สินมหาศาล อีลอน มัสก์ ระบุว่า หนึ่งในเหตุผลที่เขาสะสมทรัพย์สินไว้เป็นจำนวนมาก ก็เพื่อที่จะนำไปใช้จ่ายกับการสร้างสาธารณูปโภคบนดาวอังคาร ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต และหวังว่าจะมีนักลงทุนและรัฐบาลสนใจเข้าร่วมกับเขาในโครงการนี้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า