SHARE

คัดลอกแล้ว

3 คู่เมื่อคืนวันอาทิตย์ มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้าง สำหรับคนที่ไม่ได้ดูบอลครบทุกคู่ workpointTODAY สรุปทุกประเด็นที่ควรรู้เอาไว้แล้วในโพสต์เดียว

[ อังกฤษ 1-0 โครเอเชีย ]

– การเจอกันครั้งสุดท้ยของอังกฤษ กับโครเอเชีย คือ รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 เกมนั้นโครเอเชียเอาชนะไปได้ 2-1 ฝากรอยแค้นให้อังกฤษจนถึงวันนี้ อย่างไรก็ตามนัดนี้ อังกฤษได้เปรียบเพราะจะได้เล่นในบ้านตัวเองที่เวมบลีย์

– อังกฤษมีจุดอ่อนในยูโรคือ “เกมเปิดสนาม” เพราะ 9 ครั้งที่ผ่านมาในรอบสุดท้าย อังกฤษไม่เคยเอาชนะเกมเปิดสนามได้เลย

– การจัดตัวของแกเร็ธ เซาธ์เกต สร้างเซอร์ไพรส์ในหลายๆจุด โดยเฉพาะแบ็กซ้าย ที่เลือกใช้คีแรน ทริปเปียร์ ที่เล่นแบ็กขวามายืนจุดนี้ ทั้งๆที่มี ลุค ชอว์ กับ เบน ชิลเวลล์อยู่แต่ก็ไม่ใช้ ส่วนแนวรุก สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการส่งราฮีม สเตอร์ลิ่งลงเล่น จากตอนแรกคนคิดว่าตำแหน่งนี้ น่าจะเป็นมาร์คัส แรชฟอร์ด หรือแจ๊ค กรีลิชมากกว่า

– นอกจากนั้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีของทีมชาติอังกฤษ ที่ไม่มีนักเตะลิเวอร์พูล หรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเป็น 11 ตัวจริง แม้แต่คนเดียว โดย 11 ตัวจริงประกอบไปด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 คน, เชลซี 1 คน, แอสตัน วิลล่า 1 คน, สเปอร์ส 1 คน, ลีดส์ 1 คน, เอฟเวอร์ตัน 1 คน, เวสต์แฮม 1 คน และ แอตเลติโก้ มาดริด 1 คน

– เกมเริ่ม สิ่งที่เห็นชัดเจนของโครเอเชียคือ ศักยภาพบางอย่างลดลง อย่างลูก้า โมดริช อดีตนักเตะบัลลงดอร์ ตอนนี้อายุ 35 ปีแล้ว ไม่ได้คล่องแคล่วฉับไวเหมือนเดิม คือทรงมี แต่รูปเกมโดยรวมอังกฤษเหนือกว่า

– ครึ่งแรกจบ 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง อังกฤษขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อคาลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางจากลีดส์ เลี้ยงแหวกนักเตะโครเอเชีย 3 คน ก่อนแอสซิสต์ให้ราฮีม สเตอร์ลิ่งยิงเข้าไป โดยสื่อในอังกฤษใช้คำว่า Gamble paid off หรือการเดิมพันได้ผล สเตอร์ลิ่งเป็นทีเด็ดที่ทำให้สังหารประตูได้

– จบเกมอังกฤษชนะ 1-0 คว้าชัยชนะในเกมเปิดสนามได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ร่วมแข่งขันยูโรมา เป็นการสร้างความมั่นใจก่อนจะลงเล่นในอีก 2 นัดต่อไป ที่ความโหดน้อยกว่านี้

– นัดนี้คนที่โดดเด่นที่สุด คือมิดฟิลด์ตัวรับ คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่เล่นเกมรับดี แต่ก็ดันสูงมาสร้างเกมบุกได้ด้วย เล่นดีเสียจนหลายๆทีม ประกาศว่าอยากได้ตัวมาร่วมทัพด้วยหลังจบยูโร ขณะที่คนที่น่าผิดหวังที่สุดคือแฮร์รี่ เคน โดยแกรี่ ลินิเกอร์ และอลัน เชียเรอร์ สองหัวหอกทีมชาติ วิจารณ์ว่าต้องเร่งฟอร์มมากกว่านี้ ในช่วงทัวร์นาเมนต์ที่เหลือ ซึ่งเกมนี้เคนโดนเปลี่ยนตัวออก ทั้งๆ ที่ยังไม่จบเกมด้วย

– เกมนี้ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางจากดอร์ทมุนด์ สร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของศึกยูโร ที่ได้ลงสนาม ด้วยวัย 17 ปี กับอีก 349 วัน โดยเขาเปลี่ยนตัวลงมาแทนแฮร์รี่ เคน ในครึ่งหลัง

– ในเกมนี้ แข่งที่เวมบลีย์ ซึ่งมีความจุ 90,000 ที่นั่ง แต่ด้วยข้อบังคับเรื่องโควิด-19 ทำให้ยูฟ่า ปล่อยผู้ชมเข้ามาดูได้เพียง 18,497 คนเท่านั้น

– เกมต่อไป อังกฤษจะเล่นที่เวมบลีย์อีกครั้ง พบกับสกอตแลนด์ เพื่อนบ้าน ส่วนโครเอเชีย จะลงเล่นกับสาธารณรัฐเช็ก ที่สนามแฮมพ์เดน พาร์ก ในประเทศสกอตแลนด์

[ ออสเตรีย 3-1 มาซิโดเนียเหนือ ]

– มาซิโดเนียเหนือ ชื่อเดิมคือมาซิโดเนียนั่นเอง แต่ชื่อนี้ ไปซ้ำกับแคว้นมาซิโดเนียในประเทศกรีซ ทำให้มีข้อพิพาทกันมาอย่างยาวนาน สุดท้ายประเทศจึงยอมตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ ในปี 2019 เป็น มาซิโดเนียเหนือ เพื่อหยุดความขัดแย้งกับกรีซ

– สำหรับมาซิโดเนียเหนือ นี่คือทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ พวกเขาเป็นเต็งบ๊วยของยูโรครั้งนี้ ที่จะคว้าแชมป์ เพราะนักเตะส่วนใหญ่ ถือว่าเล่นอยู่ในลีกรองๆ อย่างลีก อัลแบเนีย, ลีกตุรกี, ลีกโครเอเชีย หรือลีกฮังการี เป็นต้น

– รูปเกม ก็ชัดเจนว่าออสเตรียเหนือกว่า และมาได้ประตูนำ 1-0 จากแบ็กขวา สเตฟาน ไลเนอร์ นักเตะจากทีมกลัดบัค โดยหลังยิงได้ ไลเนอร์ชูเสื้อส่งกำลังให้ให้คริสเตียน อีริคเซ่นที่หัวใจหยุดเต้นเมื่อวานนี้ด้วย

– ฝั่งมาซิโดเนียเหนือ ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่มาได้ส้มหล่น เมื่อนายทวารของออสเตรีย ดาเนียล บัคมันน์ รับบอลพลาด ลูกทะลักไปถึงโกรัน ปานเดฟ ยิงตีเสมอเป็น 1-1 ทำให้ปานเดฟสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุเยอะที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ยูโรที่ยิงประตูได้ (37 ปี กับอีก 321 วัน) โดยอันดับหนึ่งเป็นของอิวิก้า วาสติช ของออสเตรียในยูโร 2008 (38 ปี กับอีก 257 วัน)

– จริงๆ มาซิโดเนียเหนือ ก็สู้ได้ดีแต่ความแตกต่างอยู่ที่ขุมกำลังสำรอง เพราะในครึ่งหลังเมื่อออสเตรียเจาะไม่ได้ พวกเขาส่ง ไมเคิล เกรกอริตส์ จากเอาส์บวร์ก และ มาร์โก อาร์เนาโตวิช จากเซี่ยงไฮ้พอร์ท ลงเล่น และทั้ง 2 คน มาทำประตูได้คนละลูก ทำให้ออสเตรียพลิกคว้าชัยชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1

– เกมต่อไป ออสเตรียจะไปเยือนฮอลแลนด์ ที่อัมสเตอร์ดัม ส่วนมาซิโดเนียเหนือ จะปักหลักเล่นที่โรมาเนียต่อไป โดยจะพบกับทีมชาติยูเครน

[ เนเธอร์แลนด์ส 3-2 ยูเครน ]

– นี่คือแมตช์ ที่ได้รับการยกย่องว่าสนุกที่สุด นับตั้งแต่เปิดฉากยูโร 2020 เป็นต้นมา เพราะทั้งสองทีมเดินหน้าแลกกันแบบสุดๆ ไม่มีเกียร์ถอยหลัง ฮอลแลนด์เองเป็นทีมจอมบุกอยู่แล้ว ส่วนยูเครนชุดนี้ มีโค้ชคืออันเดร เชฟเชนโก้ อดีตกองหน้าเอซี มิลาน ดังนั้นก็มีทัศนคติในการเล่นเกมรุกเต็มสูบเช่นกัน

– ฮอลแลนด์เพิ่งหลุดจากยุคมืดมนมาได้ เพราะพวกเขาไม่เข้ารอบในรายการเมเจอร์มา 2 รายการติดต่อกัน (ยูโร 2016 และ ฟุตบอลโลก 2018) ส่วนในยูโรครั้งนี้ พวกเขาอยู่เต็ง 8 ของรายการ ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีกัปตันทีมตัวจริง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่หายจากอาการบาดเจ็บไม่ทัน

– สำหรับยูเครน ก่อนเกมมีดราม่าอยู่บ้างเรื่องเสื้อแข่งขัน เพราะดีไซน์ของเสื้อ จะมีการวางภาพแผนที่ประเทศลงไปด้วย และในแผนที่นั้นยูเครน รวมแคว้นไครเมีย เข้าไปอยู่ในเสื้อของตัวเองด้วย ซึ่งทำให้รัสเซีย ประท้วงทันที เนื่องจากมองว่า ไครเมียคือของรัสเซียต่างหาก อย่างไรก็ตาม ยูฟ่าอนุมัติให้ยูเครนใช้ดีไซน์เสื้อตัวนี้ได้

– ครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 เข้าครึ่งหลังการต่อสู้แลกกันอย่างดุเดือดมาก ฮอลแลนด์นำไปก่อน 1-0 จากจินี่ ไวจ์นัลดุม กองกลางตัวใหม่ของปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากนั้นได้ประตูนำ 2-0 จากลูกยิงของ วู เวกฮอร์ส โดนจังหวะนี้กรรมการเช็ก VAR ว่ามีการล้ำหน้าเกิดขึ้นหรือไม่ สุดท้ายก็เคลียร์ไม่ล้ำ ฮอลแลนด์จึงนำห่าง

– แต่ยูเครนไม่ยอมตาย อันเดร ยาร์โมเลนโก้ ยิงประตูที่สวยที่สุดในยูโรครั้งนี้ ตะบันไกลสามสิบหลาเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปแบบพอดีเป๊ะ ไล่มาเป็น 2-1 บวกด้วยเซ็ตพีซอีกลูก ยาเร็มชุค โหม่งหาย ให้ตีเสมอเป็น 2-2 จากที่จะชนะง่ายๆ กลายมาเป็นต้องเหนื่อยต่อ

– อย่างไรก็ตาม ฮอลแลนด์พลิกยิงได้อีกรอบ จากแบ็กขวา เดนเซล ดัมฟรีย์ ที่เติมขึ้นมาถึงเขตโทษและโหม่งประตูเข้าไป สุดท้ายจบเกมฮอลแลนด์ชนะ 3-2 ไปแบบระทึกที่สุดจริงๆ

– ฮอลแลนด์ชุดนี้มีความหลากหลาย นักเตะมาจากหลายสโมสร หลายชาติ โดยตำแหน่งนายทวารใช้มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก ที่อายุมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ (38 ปี) แต่ก็ยังมีดาวรุ่งอย่างเยอร์เรียน ทิมเบอร์ ที่อายุแค่ 19 ปีเท่านั้น ขณะที่ยูเครน ก็ได้รับคำชมมากว่าเล่นได้ดีกว่าที่คาด โดยแมน ออฟ เดอะ แมตช์ในนัดนี้ คือยาร์โมเลนโก้ แม้ฝั่งยูเครนจะแพ้ก็ตาม

นี่คือบทสรุปอย่างรวดเร็ว ของเกมยูโร 2020 ทั้งสามคู่ในคืนวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน และสำหรับโปรแกรมของคืนนี้ มีดังนี้

20.00 สกอตแลนด์ vs สาธารณรัฐเช็ก
23.00 โปแลนด์ vs สโลวะเกีย
02.00 สเปน vs สวีเดน

และ ในวันพรุ่งนี้ workpointTODAY จะสรุปทุกประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าเช่นเค เข้ามาอ่านที่เดียวครบ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า