องค์การอนามัยโลกเตือนยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางโควิดระบาด ห่วงตายเพิ่มครึ่งล้านใน 4 เดือน

องค์การอนามัยโลกเตือนยุโรปจะกลายมาเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ห่วงอาจเห็นผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงถึง 500,000 คนในเวลาเพียง 4 เดือน

วันที่ 5 พ.ย. 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายฮานส์ คลู้ก ผู้อำนวยการฝ่ายยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความกังวลว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุโปรขณะนี้กำลังน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

นายคลู้กกล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า “เราอยู่ในศูนย์กลางการแพร่ระบาดอีกครั้ง เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วทวีป ซึ่งจากที่มีการคาดการณ์ไว้ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ เราอาจได้เห็นคนเสียชีวิตจากโควิด-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้นถึงครึ่งล้านคนภายในเดือนก.พ. ปีหน้า” 

นายคลู้กระบุว่า เราต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อการระบาดหนักขึ้นของโควิด-19 ซึ่งขณะนี้มีการระบาดอย่างรวดเร็วกระจายไปทั่ว 53 ประเทศและเขตแดนรวมถึงหลายประเทศในแถบเอเชียกลาง พร้อมกับกล่าวโทษหลายๆ ประเทศที่ชะลอความเร็วในการฉีดวัคซีนลง แม้จะมีจำนวนวัคซีนเพียงพอ แต่ก็ไม่สามารถฉีดให้ประชาชนได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันก็มีการผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุขซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

“ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำมีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างเห็นชัดและเร็วกว่าประเทศที่อัตราการฉีดวัคซีนสูงอยู่มาก” นายคลู้กกล่าว

จากข้อมูลล่าสุดของ WHO ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยุโรปมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6% จากจำนวนผู้ป่วยที่พบในสัปดาห์ก่อนหน้า นับเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการป่วยเพิ่มขึ้นสูงสุด ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยในภูมิภาคอื่นๆ ยังทรงตัวหรือมีแนวโน้มลดลง

ด้านนางมาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแห่งองค์การอนามัยโลกออกมาเปิดเผยว่า ช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วยุโรปเพิ่มขึ้นกว่า 55% แม้จะมีวัคซีนและเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม โดยเยอรมนีทำสถิติต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 มีผู้ป่วยมากกว่า 37,000 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะผู้เสียชีวิตสูงถึง 154 ราย ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่าการระบาดระลอก 4 นี้จะสร้างแรงกดดันให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเยอรมนี แต่ยังรวมถึงในหลายๆ ประเทศ อย่างรัสเซียมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 8,100 รายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ยูเครนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 3,800 ราย ซึ่งทั้งสองเป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำมาก