SHARE

คัดลอกแล้ว

รถยนต์ยี่ห้อวินฟาสต์ ของบริษัทวินกรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่สุดของเวียดนามกำลังจะออกมาวิ่งบนถนนและเป็นรถยนต์หลากหลายประเภท ทั้งรถเก๋ง เอสยูวี รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และรถบัสไฟฟ้า ซึ่งจะเริ่มส่งมอบรถยนต์คันแรกให้ลูกค้าในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ซึ่งโรงงานผลิตรถยนต์ของกลุ่มบริษัทวินกรุ๊ป ถือเป็นหลักไมล์และความภาคภูมิใจของรัฐบาลในฐานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์แห่งชาติยี่ห้อ“วินฟาสต์”ที่ผลิตในเวียดนามทั้งคัน เพื่อรองรับความต้องการรถยนต์ในเวียดนามที่เพิ่มขึ้น อันเนื่องจากมาจากชนชั้นกลางเติบโตขึ้น

วินฟาสต์ เลือกเวทีปารีส มอเตอร์ โชว์ 2018 ในการเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก และสื่อถึงความตั้งใจของ วินฟาสต์ ในการที่จะก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่ประสบความสำเร็จทั้งในเวียดนามและต่างประเทศ และยังเปิดโอกาสให้ชาวเวียดนามได้ร่วมโหวตเลือกภาพร่างแบบรถยนต์ที่ชื่นชอบจากตัวเลือกหลากหลาย ในที่สุดก็ได้รถ 2 รุ่น ได้แก่ รถซีดาน รุ่นลักซ์ เอ 2.0 และรถเอสยูวี รุ่นลักซ์ เอสเอ 2.0 ซึ่งรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ใช้ดีไซน์จากอิตาลี และใช้เทคโนโลยีจากยุโรปจนมีมาตรฐานระดับสากล บริษัทกำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านการออกแบบ วิศวกรรม และเทคโนโลยีการผลิตชั้นนำจากยุโรป เพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานสากล และตรงตามความต้องการของลูกค้าทั้งในแง่ของการออกแบบ คุณภาพ ตลอดจนคุณสมบัติพรีเมียมต่าง ๆ เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้เป็นเจ้าของ

รถยนต์ของ วินฟาสต์ ถูกผลิตขึ้นที่โรงงานทันสมัย ขนาด 335 เอเคอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในกั๊ตไฮ เมืองไฮฟอง ทางตอนเหนือของเวียดนาม

รัฐบาลของเวียดนาม คาดหวังว่า รถยนต์ยี่ห้อวินฟาสต์ของวินกรุ๊ป จะเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วประเทศพอๆกับรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นและยุโรปเพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า เวียดนามก็สามารถผลิตรถยนต์ได้

โลโก้ของวินฟาสต์ รถยนต์สัญชาติเวียดนาม

ด้านค่ายรถพลังงานไฟฟ้าสัญชาติไทย ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น (MMC) ในเครือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่ประเดิมขาย “อีวี”รุ่นแรก ด้วยรถอเนกประสงค์สไตล์มินิเอ็มพีวี “สปา1” ราคาประมาณ 1.2 ล้านบาท โดยรถพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าภายในไตรมาสแรกปีหน้า ล่าสุดมีความชัดเจนว่า “ไมน์” พร้อมเสริมทัพรถพลังงานไฟฟ้าที่ตัวถังขนาดเล็กลง หรือเป็นรถในกลุ่มซิตีคาร์ คาดเปิดตัวไตรมาสแรกปีหน้า (หลังเคยนำต้นแบบมาอวดโฉมตั้งแต่ปี 2561 แล้ว)

 

เพื่อทำราคาให้คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ซิตีคาร์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ของไมน์ จะใช้ชุดแพ็กแบตเตอรี่ขนาดเล็ก หรือตํ่ากว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ใช้กับรุ่น “สปา1”นั่นทำให้การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ระยะทางที่วิ่งได้จะตํ่ากว่า 200 กิโลเมตร แต่ “ไมน์” เชื่อว่านี่เป็นตัวเลขที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในเมืองหรือขับขี่ในชีวิตประจำวันแบบไป-กลับ บ้านที่ทำงาน โดยตัวถังมีขนาดประมาณรถยนต์นั่งระดับซับคอมแพ็กต์ พร้อมโครงสร้างที่ขึ้นรูปจากวัสดุอะลูมิเนียม และคอมโพสิต ช่วยให้รถมีนํ้าหนักเบา ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงราคาขายจะไม่เกิน 1 ล้านบาท “ตัวขายจริงโมเดลแรกของเราคือ สปา 1 ตัวต่อไปคือรุ่นซิตีคาร์ 4 ประตู ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท”

นอกจาก “ไมน์” รถพลังงานไฟฟ้าสัญชาติไทยแล้ว ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ “เอ็มจี” ประกาศชัดเจนว่าเตรียมนำเข้าเอสยูวีรุ่น ZS EV มาเปิดตัวอย่างเป็นทาง การ และพยายามทำราคาไม่ให้เกิน 1.5 ล้านบาทสำหรับ ZS EV เป็นรถนำเข้ามาจากประเทศจีน และได้สิทธิพิเศษตามข้อตกลงเขตการค้าเสรี จีน-อาเซียน โดยรถพลังงานไฟฟ้า 100% จะไม่เสียภาษีนำเข้า ส่วนสเปกของรถจะใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 44.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งรถวิ่งได้ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร

ข้อได้เปรียบสำคัญของเวียดนาม คือ การพัฒนาด้านเทคโนโลยี รัฐบาลเวียดนามได้ยกอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ยานยนต์ เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) และธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวทับซ้อนกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย

โดยอุตสาหกรรมของเวียดนามที่จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับไทยในอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามเพื่อใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่ตั้งของเวียดนามอีกด้วย

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจธุรกิจ(อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ ออกรายงานวิจัย“จับตาเวียดนาม คู่ค้าหรือคู่แข่งไทยในทศวรรษหน้า” ในระยะยาว หลังจากปี 2025-2030 เวียดนามมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับไทยในหลายด้าน ทั้งในแง่ของการแย่งเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ และการแย่งส่วนแบ่งในตลาดส่งออกไปจากไทย โดยในอนาคต อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเผชิญกับปริมาณการส่งออกในภูมิภาคที่ชะลอตัวลง เมื่อเวียดนามสามารถเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อรองรับความต้องการในประเทศเองได้ แม้ในปัจจุบันกำลังการผลิตรถยนต์ในเวียดนามยังเป็นรองจากไทย ทั้งยังมีผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศค่อนข้างน้อย แต่รัฐบาลเวียดนามกำลังสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งภาครัฐวางแผนลดภาษีฟุ่มเฟือยของรถขนาดเล็กที่มีความจุเครื่องยนต์น้อยกว่า 1.5 ลิตร จาก 45% เป็น 35% ในปี 2018 ทำให้บริษัทรถหลายราย เช่น Mazda และ Hyundai รวมถึง Mercedes Benz เตรียมขยายโรงงานและไลน์การผลิต รถยนต์ขนาดเล็กในเวียดนามมากขึ้น

กระแสการเปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดานยนต์และความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะมีแนวโน้มลดลงได้ ดังนั้น หากความต้องการของตลาดโลกหันมานิยมรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังไม่พร้อมที่จะเป็นฐานการผลิต ผู้ประกอบการอาจเลือกไปลงทุนในเวียดนามซึ่งเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นทุนเดิมแทนก็เป็นได้

ในแผนไทยแลนด์ 4.0 หากประเทศไทยยังคงผลิตสินค้าและบริการด้วยรูปแบบและ วิทยาการเดิมๆ เวียดนามจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับไทยได้ไม่ยากนัก ดังนั้นจึงมีคําถามไปถึงภาครัฐว่าพร้อมแค่ไหน เพื่อเดินหน้าเรื่องนี้อย่างจริงจังภาครัฐน่าจะต้องเหยียบคันเร่ง ตามเอกชนให้ทันเพื่อเดินหน้าสู่โจทย์ใหญ่คือ รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทิศทางของโลก เพื่อการลดใช้พลังงานและ รักษาสิ่งแวดล้อม แม้ว่าราคาขณะนี้รถยนต์ไฟฟ้า ยังมีราคาค่อนข้างสูง แต่หากเข้าใจโจทย์ว่า ต้องอาศัยโอกาสนี้ เพื่อรักษาความเป็นฮับ หรือศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของโลกไว้ที่เมืองไทยต่อไป เหมือนกับที่เราทําสําเร็จมาแล้วจาก รถกระบะ และ รถเก๋งเล็กในนาม อีโคคาร์ และที่สําคัญหากหน่วยงานรัฐเร่งผนึกกําลังกันสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า อย่างเต็มกําลัง ทั้งในเรื่องระบบการชาร์จไฟ เรื่องภาษีจะต้องทําให้ถูกลงกว่านี้ จะทําให้คนไทยมีโอกาสสามารถเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น

เพราะกระแสช่วงนี้บรรดาค่ายรถ จะมีรถยนต์ประเภทนี้เพิ่มขึ้นกันมาเรื่อยๆ ถือเป็นการมองไปข้างหน้า เพื่อรักษา ความเป็นฮับ ด้านรถยนต์ไว้ให้คงอยู่ต่อไป

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า