เอเวอเรสต์เซ็นสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้พัฒนาวัคซีน mRNA ของแคนาดา เล็งตีตลาดในจีนและอาเซียน
วันที่ 13 ก.ย. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า เอเวอเรสต์ เมดิซินส์ (Everest Medicines) บริษัทยาสัญชาติจีน ประกาศตัวเป็นผู้ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA จากโพรวิเดนซ์ เธอราพิวติกส์ (Providence Therapeutics) ของแคนาดา โดยที่เอเวอเรสต์จะได้สิทธิ์ในการนำสูตรวัคซีนเข้ามาผลิตในประเทศ และจัดจำหน่ายในจีน ปากีสถาน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในประเทศไทย
วัคซีนโพรวิเดนซ์ตัวนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า PTX-COVID19-B กำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบทางคลิกนิกในเฟส 2 ซึ่งทางเอเวอเรสต์จ่ายเงินล่วงหน้าเป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3,290 ล้านบาท) เพื่อเข้าถึงวัคซีนและเทคโนโลยี mRNA รวมถึงจะมีการแบ่งผลกำไรอีก 100 ล้านดอลลาร์ในอนาคต
แม้ว่าในประเทศจีนจะมีผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสเกือบ 1 พันล้านคน แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นวัคซีนเชื้อตายของซิโนฟาร์ม (Sinopharm) และ ซิโนแวค (Sinovac) ซึ่งผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่ามีประสิทธิภาพต่ำกว่าวัคซีนชนิดอื่น ทำให้จีนต้องมองหาวัคซีน mRNA เข้ามาฉีดกระตุ้นเพิ่ม
เช่นเดียวกับชาติอาเซียนหลายแห่งที่กำลังขาดแคลนวัคซีน อย่างเช่นประเทศไทยที่ยังไม่สามารถนำวัคซีน mRNA เข้ามาได้ทันความต้องการของประชาชน ทำให้บริษัทยาจากจีนรายนี้ จะเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการยื่นขออนุมัติต่อองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย ในการนำเข้าวัคซีนโพรวิเดนซ์ หากผลการทดสอบในเฟสที่ 3 ออกมาเป็นที่น่าพอใจ
สำหรับในจีน คาดว่าทางเอเวอเรสต์ต้องการนำวัคซีนมาใช้เป็นเข็มที่ 3 แต่ในอาเซียนเอง มีแนวโน้มว่าจะนำเข้ามาเป็นวัคซีนหลัก เนื่องจากยังมีความต้องการในส่วนนี้อยู่
แม้จะยังไม่มีการยืนยันตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน แต่ทาง เคอร์รี บลองชาร์ด ซีอีโอของเอเวอเรสต์ อ้างว่า สามารถกระตุ้นการป้องกันได้ดีเทียบเท่า หรือดีกว่าไฟเซอร์และโมเดอร์นา