World Bank และ IMF ออกรายงานเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังทั่วโลกขึ้นดอกเบี้ยพร้อมกันมากที่สุดในรอบ 50 ปี
วานนี้ (15 ก.ย. 2565) ธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือ Recession เพราะธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ
โดยรายงานของ World Bank ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ Recession ในปี 2566
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ในปีนี้ ถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมกันทั่วโลกที่มากที่สุดในรอบ 50 ปี โดยคาดว่าเทรนด์การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก จะยังมีให้เห็นต่อเนื่องในปี 2566
ที่น่าเป็นห่วงคือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการดำเนินนโยบายต่างๆ ของธนาคารกลาง อาจไม่เพียงพอจะดึงเงินเฟ้อให้ลดลงมาในระดับเดิม หรือระดับก่อนเกิดโควิด-19
โดยนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นแตะ 4% ในปี 2566 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นมากกว่า 2% จากค่าเฉลี่ยในปี 2564
นอกจากปัญหาอุปทานสะดุด (Supply Disruption) และแรงกดดันในตลาดแรงงานที่ลดลง คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ซึ่งไม่รวมราคาพลังงาน ปรับลงมาอยู่ในระดับ 5% ในปี 2566 แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่าเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลงมาสู่ระดับปกติ จากการจำลองโมเดลเศรษฐกิจของ World Bank พบว่า ธนาคารกลางต่างๆ จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2% แต่สิ่งที่จะตามมาคือ แรงกดดันต่อตลาดการเงิน และการเติบโตของจีดีพีโลกที่จะลดลงเหลือ 0.5% ในปี 2566
‘การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงอย่างมาก และมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงอีก จากที่หลายประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความกังวลของเรา คือ เทรนด์นี้จะยังคงอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และประเทศกำลังพัฒนา’ เดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก ระบุ
เพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อต่ำ ค่าเงินมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจโตเร็วขึ้น คนทำนโยบายจะต้องเปลี่ยนโฟกัสใหม่ จากลดการบริโภคเป็นส่งเสริมการผลิต
นโยบายที่ทำควรสนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพิ่ม รวมถึงการปรับปรุงผลิตภาพและการจัดสรรเงินทุน ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการลดความยากจนของผู้คน
ขณะที่ IMF เปิดเผยกับสื่อต่างประเทศว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงจะชะลอตัวลงอีกในไตรมาส 3 ของปีนี้ และคาดการณ์ว่าบางประเทศอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่า จะเกิดการถดถอยของเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้าง
โดยปัจจัยลบที่กดดันเศรษฐกิจ คือ อัตราเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง ปัญหาซัพพลายเชน และภาวะตลาดการเงินที่ตึงตัวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น IMF ยังไม่ได้ระบุถึงการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในรายงานฉบับเต็ม (International Monetary Fund’s Outlook) ที่จะออกมาในเดือนหน้า (ต.ค. 2565)
ส่วนรายงานฉบับล่าสุดในเดือน ก.ค. 2565 IMF ปรับลดการเติบโตของจีดีพีโลกลงเหลือ 3.2% ในปี 2565 และ 2.9% ในปี 2566
ที่มา:
- www.worldbank.org/en/news/press-release/2022/09/15/risk-of-global-recession-in-2023-rises-amid-simultaneous-rate-hikes?cid=ECR_TT_worldbank_EN_EXT
- openknowledge.worldbank.org/bitstream/handle/10986/38019/Global-Recession.pdf
- www.reuters.com/markets/rates-bonds/imf-sees-further-slowdown-global-economy-third-quarter-2022-09-15/