SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อเครื่องบินสองลำ พุ่งชนตึกแฝดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2001 โลกก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป 

เกิดอะไรขึ้นบ้างในวันนั้น และเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบันอย่างไร workpointTODAY จะพาย้อนกลับไปในวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

 

1) ช่วงเช้าของวันอังคารที่ 11 กันยายน 2001 ขณะที่ชาวเมืองนิวยอร์กซิตี้กำลังเริ่มวันใหม่ จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นกลางเมือง พร้อมกับควันจำนวนมากออกมาจากตึกนอร์ธทาวเวอร์ ในกลุ่มอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.46 น. สถานีโทรทัศน์ในสหรัฐฯ ตัดข่าวเข้าสู่ Breaking News ทันที 

 

2) เสียงดังสนั่นนั้น เกิดจากเครื่องบินอเมริกันแอร์ไลน์ไฟลท์ AA11 ที่บินออกจากบอสตันไปลอสแองเจลิส แต่กลับเลี้ยวเข้ามาเพื่อ พุ่งชนตึกนอร์ธทาวเวอร์เต็มๆ ในบริเวณชั้นที่ 93-99  ผู้ที่อยู่บนอาคารให้สัมภาษณ์ว่า ตัวอาคารเกิดแรงสั่นในระดับที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน บางคนที่ยืนอยู่ถึงกับล้มลงไปที่พื้น และยังคงสั่นสะเทือนอยู่เช่นนั้นเป็นเวลา 20-30 วินาที

ส่วนผู้ที่อยู่บนตึกเซาธ์ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ติดกัน ก็รู้สึกถึงความร้อนขณะที่เครื่องบินบินผ่านหน้าต่างในระยะประชิด จนถึงขั้นที่กระดาษบนโต๊ะทำงานถูกความร้อนเผาไหม้เป็นสีดำในบางส่วน

 

3) ผู้ที่ทำงานอยู่บนชั้น 93-99 ซึ่งเป็นจุดที่ถูกเครื่องบินชนโดยตรง เสียชีวิตในทันที ขณะที่ผู้ที่อยู่ชั้นสูงกว่านั้น ก็ไม่สามารถอพยพลงมาได้ เนื่องจากบันไดหนีไฟได้รับความเสียหาย และทางลงก็เต็มไปด้วยเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างหนัก สุดท้ายก็เสียชีวิตเช่นเดียวกัน

แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ชั้น 1 ก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันมหาศาลที่รั่วออกมาจากเครื่องบิน ไหลลงมาตามช่องลิฟต์ ทำให้หลายคนถูกความร้อนเผาไหม้ผิวหนังอย่างรุนแรง จนต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน บางคนเสียชีวิตไปเลยก็มี 

 

4) สื่อมวลชนมีการวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อสภาพอากาศในวันนั้นเหมาะสมกับการบินเป็นอย่างมาก ท้องฟ้าแจ่มใสและไม่มีเมฆ เมื่อเครื่องบินชนตึกนอร์ธทาวเวอร์ได้ราวๆ 1-2 นาที คราวนี้สถานีโทรทัศน์แทบทั้งโลก ได้ตัดเข้าสู่การรายงานสดที่นิวยอร์ก

 

5) ในขณะที่กล้องโทรทัศน์กำลังจับภาพเพลิงไหม้บนตึกนอร์ธทาวเวอร์อยู่นั้น พอถึงเวลา 9.03 น. คนจากทั่วทุกมุมโลกที่กำลังติดตามดูการถ่ายทอดสดอยู่ ก็ได้เห็นภาพเครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ไฟลท์ UA175 พุ่งชนตึกเซาธ์ทาวเวอร์เต็มๆ ซึ่งถึงจุดนี้ ทุกคนเข้าใจแล้วว่า นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี เป็นไปไม่ได้ที่เครื่องบินจะชนตึกแฝดได้เต็มๆ พร้อมกัน ในช่วงเวลาห่างกัน 17 นาทีเท่านั้น

 

6) การชนของไฟลท์ UA175 แม้จะชนทีหลัง แต่ชนในจุดที่แม่นยำกว่า คือในช่วงชั้นที่ 77-85 นั่นทำให้อาคารเซาธ์ทาวเวอร์เสียการทรงตัว เริ่มทรุดและถล่มลงมา ในเวลา 09.59 น. คนที่ติดอยู่ในอาคารและหนีไม่ทัน เสียชีวิตทันที ซึ่งเมื่ออาคารถล่มนั้น ชิ้นส่วนของตึก เศษหินต่างๆ และควันมหาศาลแผ่กระจายเป็นวงกว้าง คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด และหาที่หลับภัยจากกลุ่มควันที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว  

 

7) จากนั้นในเวลา 10.28 น. อาคารนอร์ธทาวเวอร์ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกชนเป็นจุดแรก ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ไหว ทำให้ตัวอาคารถล่มตามลงมาในที่สุด คนที่หนีออกจากตึกไม่ทันก็เสียชีวิตเช่นเดียวกัน

โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากการชนตึกของเครื่องบินทั้ง 2 ลำและเหตุตึกถล่ม อยู่ที่ 2,763 คน มีทั้งลูกเรือและผู้โดยสาร ผู้ที่อยู่ในอาคารทั้งสอง และผู้ก่อการร้าย

 

8) นี่คือเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ไม่ใช่เพราะแค่การชนเท่านั้น แต่มันเป็นการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก และทุกคนได้เห็นภาพนาทีต่อนาที ว่าเครื่องบินพุ่งชนตึกเซาธ์ทาวเวอร์อย่างไร และถล่มลงมาแบบไหน มีภาพของพนักงานบริษัทที่อยู่ในอาคาร แล้วไม่สามารถหนีได้ทัน เปิดหน้าต่างออกมา โบกมือขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ สุดท้ายทนความร้อนไม่ไหว กระโดดลงมาจากตึกก็มี เป็นภาพที่น่าเศร้าใจอย่างมาก 

 

9) แต่เหตุการณ์ไม่ได้มีแค่ในนิวยอร์ก เมื่อมีการจี้เครื่องบินลำที่ 3  และกำลังมุ่งตรงเข้าสู่กรุงวอชิงตันดีซี เมืองหลวงของสหรัฐฯ สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบิน AA77 ที่บินออกจากเวอร์จิเนีย ไปลอสแองเจลิส แต่กลับบินพุ่งตรงไปที่ดีซี โดยคาดว่าจะพุ่งไปชนทำเนียบขาว คือแม้ประธานาธิบดีจอร์จ บุช จะไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบขาวตอนนั้น แต่ถ้าทำเนียบขาวโดนทำลายขึ้นมาจริงๆ จะเป็นการโจมตีอย่างรุนแรงในเชิงสัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐฯ 

แต่เที่ยวบิน AA77 ออกห่างจากทำเนียบขาว แล้วพุ่งเข้าสู่เพนตากอน อาคารที่ทำการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แทน โดยในเวลา 9.37 น. หรือ 34 นาทีหลังจากเครื่องบินลำที่ 2 พุ่งชนเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ อาคารฝั่งตะวันตกของเพนตากอนก็ถูกเครื่องบินลำที่ 3 พุ่งชน เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งบนเครื่องและภาคพื้นรวม 189 คน

 

10) ความจริงแล้ว ย้อนไปเมื่อเวลา 9.28 น. ก่อนที่เครื่องบินลำที่ 3 จะพุ่งชนเพนตากอน หอควบคุมการบินได้รับแจ้งว่า อาจมีการจี้เครื่องบินลำที่ 4 เกิดขึ้น หลังขาดการติดต่อจากเที่ยวบิน UA93 ของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ที่บินจากนิวเจอร์ซีย์ไปยังซานฟรานซิสโก

ต่อมาเวลา 9.32 น. ทางหอควบคุมการบิน ได้รับสัญญาณติดต่อจากไฟลท์ UA93 ในสัญญาณเสียง เป็นเสียงผู้ก่อการร้ายกำลังบอกให้ผู้โดยสารบนเครื่องอยู่ในความสงบ และให้นั่งอยู่กับที่พร้อมกับขู่ว่ามีระเบิดอยู่บนเครื่องบิน คาดว่าทางผู้ก่อการร้ายตั้งใจที่จะสื่อสารกับห้องผู้โดยสาร แต่กลับส่งสัญญาณมายังหอควบคุมการบิน ทำให้ภาคพื้นได้รับการยืนยันว่ามีการจี้เครื่องบินเกิดขึ้นจริง โดยเป้าหมายที่คาดว่าผู้ก่อการร้ายเล็งไว้ คืออาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งทำการอพยพคนในอาคารโดยด่วน

 

11) ณ เวลานี้ เที่ยวบินทั่วสหรัฐฯ ถูกสั่งให้หยุดบินแล้ว เครื่องที่ทำการบินอยู่จะต้องรายงานสถานการณ์กับหอควบคุมการบินอยู่ตลอด มิฉะนั้นจะถูกเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศยิงตกทันที เมื่อเที่ยวบิน UA93 ถูกคอนเฟิร์มว่าเกิดการจี้เครื่องบินขึ้นจริงๆ ทำให้รองประธานาธิบดี ดิก เชนีย์ อนุมัติคำสั่งให้ยิงเครื่องบินได้ทันทีก่อนที่เครื่องบินจะพุ่งเข้าสู่ชุมชน แล้วมีสิทธิ์ที่จะทำให้คนบนภาคพื้นล้มตายได้จำนวนมาก

แต่กองทัพอากาศก็ไม่จำเป็นต้องยิงเครื่องบิน เพราะ เหล่าผู้โดยสาร UA93 ตัดสินใจรวมตัวกัน บุกเข้าไปยังห้องนักบิน ที่ผู้ก่อการร้ายกำลังควบคุมอยู่ ผลจากการร่วมมือกันของผู้โดยสาร ทำให้เครื่องบินลำนี้ไปไม่ถึงจุดหมาย ได้ร่วงตกลงบริเวณเขตซอเมอร์เซ็ต ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ส่งผลให้คนบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด 44 คน ส่วนบนภาคพื้น ไม่มีผู้เสียชีวิตเลยแม้แต่รายเดียว

 

12) การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินทั้ง 4 ลำ ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างบนโลกเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการตรวจสัมภาระก่อนขึ้นเครื่องบิน ที่ตอนนี้จำเป็นต้องมีการตรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่าเดิมมาก รวมถึงการขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ก็เพิ่มความละเอียดขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

 

13) ผู้ที่ประกาศว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์นี้ คือ โอซาม่า บิน-ลาเดน แกนนำของอัลกอห์อิดะ โดยบิน-ลาเดน ได้กล่าวว่า “ชาติอิสลามโดนสหรัฐฯ สังหารคนมาแล้วมากกว่า 80 ปี ทั้งในอิรัก และในปาเลสไตน์ และการที่อเมริกาโดนโจมตีจนมีคนต้องเสียชีวิต ก็เป็นการลงโทษจากพระเจ้า อเมริกาได้เจอความรู้สึกแบบเดียวกับที่เราเคยโดนทำมาก่อน” 

 

14) เมื่อมีการประกาศอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ทำให้สหรัฐฯ เดินหน้าไล่ล่า โอซาม่า บิน-ลาเดน ด้วยกำลังทหารทั้งหมด แต่ก็ยังจำไม่ได้ไล่ไม่ทัน บิน-ลาเดน หลบหนีได้ถึง 10 ปี กว่าจะเจอตัวและสังหารได้สำเร็จ ก็ล่วงเลยไปในปี 2011 ถือเป็นการล่าผู้ก่อการร้ายที่ใช้เวลายาวนานอย่างมาก 

 

15) เหตุการณ์ 11 กันยายน ยังนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับกลุ่มก่อการร้าย เช่นสงครามในอัฟกานิสถาน ที่กินเวลายาวนานเกือบ 20 ปี เนื่องจากบิน-ลาเดน หลบซ่อนอยู่ในอัฟกานิสถาน แต่รัฐบาลตาลีบัน ไม่ยอมมอบตัวบิน-ลาเดนให้ ทำให้สหรัฐฯ มีสงครามกับตาลีบันด้วยอีกฝ่าย สงครามครั้งนี้ถูกเรียกว่า Endless War แต่ในที่สุดก็จบสิ้นลงแล้ว เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานทั้งหมดเมื่อไม่นานมานี้ 

 

16) บทสรุปของเหตุการณ์ 9/11 นี่เป็นเรื่องราวที่ถูกยกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลก มีการแบ่งโลกเป็น 2 ยุค คือ ก่อน 9/11 และ หลัง 9/11 

ก่อน 9/11 คำว่าการก่อการร้าย ยังไม่ถูกรู้จักโดยแพร่หลาย แต่หลัง 9/11 ไม่ใช่แค่ที่สหรัฐฯ แต่การก่อการร้ายได้กระจายไปทั่วทั้งโลก ทั้งในยุโรป สหรัฐฯ และเอเชีย ขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ก็เพิ่มความเข้มข้นขึ้นหลายเท่า ไม่มีอะไรที่ง่ายดายเหมือนในอดีตอีกแล้ว

 

17) ณ ปัจจุบัน จุดที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ถูกเครื่องบินชนจนถล่มลงมา ถูกก่อสร้างเป็นอาคารใหม่ชื่อ วัน เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ด้านล่างมีพื้นที่ สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถานของเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 

ขณะที่เรื่องราวใน 9/11 ทุกๆสตอรี่ ก็ถูกหยิบไปเล่าใหม่ในหลายๆสื่อ เช่นเที่ยวบิน UA93 ก็มีนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ United 93 เป็นต้น หรือการไล่ล่าโอซาม่า บิน-ลาเดน ก็ถูกนำไปเล่าใหม่ ในภาพยนตร์เรื่อง Zero Dark Thirty ที่ได้ออสการ์มา 1 รางวัลด้วย รวมถึงซีรีส์ดัง Homeland ก็ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ 9/11 เช่นเดียวกัน

 

18) สำหรับเรื่องราว 9/11 แม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่เป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนยากจะลืม เพราะภาพที่คนเคยคิดว่าเครื่องบินพุ่งชนตึก จะมีแค่แต่ในหนัง แต่มันกลับเกิดขึ้นในชีวิตจริง และสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย คือนับจากเหตุการณ์ 9/11 เป็นต้นมา โลกของเราก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า