Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

explainer นี่คือคดีความรักที่สั่นสะเทือนฮอลลีวู้ดมากที่สุด การปะทะกันของจอห์นนี่ เด็ปป์ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด สองเซเล็บในวงการ ที่ต่างคนต่างอ้างว่า ตัวเองโดน “ทำร้ายร่างกายจากอีกฝ่าย” จนเป็นคดีความยืดเยื้อมาถึงตรงนี้

เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร workpointTODAY จะสรุปสถานการณ์แบบโพสต์เดียวจบให้เข้าใจใน 24 ข้อ

1) จอห์นนี่ เด็ปป์ เป็นนักแสดงชาวสหรัฐฯ เขาเริ่มแสดงภาพยนตร์ ตั้งแต่ปี 1984 มีผลงานมาสเตอร์พีซ นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
– เอ็ดเวิร์ด มือกรรไกร ภาพยนตร์ของทิม เบอร์ตัน
– วิลลี่ วองก้า จาก Charlie and the Chocolate Factory
– และ บทที่ทำให้คนรู้จักเขาทั่วโลกคือ กัปตันแจ๊ค สแปร์โรว์ จากภาพยนตร์ซีรีส์ Pirates of the Caribbean

เด็ปป์เข้าชิงออสการ์ 3 ครั้ง แต่ไม่เคยได้รางวัล ส่วนลูกโลกทองคำ เขาชนะ 1 ครั้ง โดยรายได้เฉลี่ยของเขาคือ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อการแสดงภาพยนตร์ 1 เรื่อง ถือเป็นนักแสดงระดับตัวท็อปของวงการ

2) ส่วนแอมเบอร์ เฮิร์ด เป็นนักแสดงชาวอเมริกันเช่นกัน ในปี 2008 เธอคว้ารางวัลนักแสดงดาวรุ่งแห่งปี และมีผลงานทั้งภาพยนตร์ และ โทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นางเอกเรื่อง Never Back Down ไปจนถึงบทบาท “เมร่า” นางเอกผมแดงสุดฮอต จากภาพยนตร์ของดีซี เรื่อง Aquaman

3) เด็ปป์ เกิดในปี 1963 (ปัจจุบัน 57 ปี) ส่วนแอมเบอร์ เกิดในปี 1986 (ปัจจุบัน 34 ปี) ทั้งคู่มีอายุห่างกันถึง 23 ปี โดยทั้งสองคนรู้จักกันครั้งแรก เมื่อเล่นภาพยนตร์เรื่อง The Rum Diary ในปี 2009 ซึ่งในครั้งนั้น แอมเบอร์ เฮิร์ด เคยให้สัมภาษณ์ทีเล่นทีจริงว่า “ทำงานกับจอห์นนี่เต็มไปด้วยความทรมาน แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ตอนแรก”

4) กันยายน 2009 ตอนนั้นแอมเบอร์ มีแฟนเป็นผู้หญิง ชื่อแทสย่า แวนรี ทั้งสองคนทะเลาะกันที่สนามบินซีแอตเติล จนเกิดเหตุใช้ความรุนแรงขึ้น แอมเบอร์ไปกระชากและทุบตี แทสย่าจนบาดเจ็บ สุดท้ายแทสย่าเรียกตำรวจสนามบิน มาช่วยจับกุมแอมเบอร์เอาไว้ แอมเบอร์ต้องถ่าย Mug Shot และเกือบจะเป็นคดีความ แต่สุดท้ายไกล่เกลี่ยกันได้ คดีความจึงยุติกันแค่ตรงนั้น

5) ปลายปี 2011 จอห์นนี่ เด็ปป์ เลิกกับวาเนสซ่า พาราดิส แฟนสาวที่คบกันมายาวนานถึง 14 ปี เป็นจังหวะเดียวกับที่แอมเบอร์ เลิกกับแทสย่า แวนรี เช่นกัน และในช่วงเวลานั้นภาพยนตร์เรื่อง The Rum Diary ที่ทั้งคู่เล่นด้วยกัน ถ่ายทำเสร็จพอดีเริ่มออกฉายทั่วโลก ทั้งสองคนต้องเดินสายไปโปรโมทตามเมืองต่างๆ จึงมีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น ด้วยความที่ต่างคนต่างโสดพอดี จึงตัดสินใจลองคบหากัน ก่อนที่ในปี 2012 จะย้ายมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันในที่สุด

6) ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งคู่หมั้นหมายกันในปี 2014 มีการให้แหวนกันเรียบร้อย ก่อนที่จะมีพิธีแต่งงานเล็กๆ ในเดือนกุมภาพัน์ปี 2015 ที่ลอสแองเจลิส ซึ่งหลายคนเชื่อว่า เด็ปป์หลงรักแอมเบอร์อย่างมากจริงๆ เพราะแฟนคนก่อน วาเนสซ่า พาราดิส ขนาดคบกัน 14 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน เด็ปป์ยังไม่แต่งงานเป็นสามี-ภรรยา แต่กับแอมเบอร์ คบกันราวๆ 3 ปี แต่เด็ปป์ถึงกับขอแต่งงานกันเลย

7) ความสุขอยู่ได้ไม่นานนัก แต่งงานกันได้แค่ 1 ปีเศษๆ เท่านั้น เดือนพฤษภาคม 2016 แอมเบอร์ ก็ฟ้องศาลขอหย่า โดยให้เหตุผลว่า “ตลอดความสัมพันธ์ของเรา จอห์นนี่ ทำร้ายด้วยวาจา และทำร้ายร่างกายฉันตลอดเวลา ทุกคนรู้กันดีว่าจอห์นนี่ มีประวัติเรื่องการใช้ยาเสพติด และการติดแอลกอฮอล์มาตลอด นอกจากนั้นเขายังอารมณ์ร้อนมากอีกด้วย”

8) จุดแตกหักเกิดขึ้น ในช่วงไม่กี่วัน หลังจากแม่ของจอห์นนี่ เด็ปป์เสียชีวิต แอมเบอร์อ้างว่า เขาอารมณ์เสีย และขว้างปาโทรศัพท์ใส่หน้าเธอ จนเกิดรอยฟกช้ำ นอกจากนั้นยังเอาขวดแชมเปญฟาดกระจุยไปทั่วบ้านด้วยความโมโห ซึ่งเพื่อนสนิทของแอมเบอร์ ชื่อ ไอโอ ทิลเล็ต ไรท์ เป็นคนโทรแจ้งความให้ แต่พอเจ้าหน้าที่ตำรวจแอลเอ (LAPD) ไปถึงที่เกิดเหตุ กลับไม่พบหลักฐานใดๆ ของการใช้ความรุนแรง จึงกลายเป็น “เรื่องเล่าอ้าง” จากคำพูดของแอมเบอร์เท่านั้น

9) แอมเบอร์ตอนแรก เรียก “ค่าเลี้ยงดู” จากเด็ปป์เดือนละ 50,000 ดอลลาร์ (1.5 ล้านบาท) โดยจะมีพันธะผูกพันไปตลอด แต่สุดท้ายเด็ปป์ ตัดสินใจจ่ายเงิน 7 ล้านดอลลาร์ (218 ล้านบาท) ก้อนเดียวให้จบกันไปเลย โดยไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก ซึ่งแอมเบอร์ก็ยินดีรับไว้ โดยประกาศว่าจะเอาเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับ ไปบริจาคให้องค์กรการกุศล

จากนั้น 13 มกราคม 2017 ทั้งสองคนจึงประกาศหย่าร้างอย่างเป็นทางการ โดยไม่มีการกล่าวถึงเรื่องการทำร้ายร่างกายใดๆอีก เหมือนทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

10) เรื่องที่เหมือนจะจบ แต่ไม่จบจริง ในวันที่ 27 เมษายน 2018 แดน วูตตัน บรรณาธิการของเดอะ ซัน (The Sun) สื่ออังกฤษชื่อดัง ลงบทความออนไลน์ว่า “ถามจริงๆ ว่า เจเค โรว์ลิ่ง จะมีความสุขจริงๆหรือ ถ้าจอห์นนี่ เด็ปป์ คนทำร้ายเมียตัวเอง จะได้รับบทบาทในหนังของเธอ” โดยเดอะ ซัน ใช้คำว่า Wife-Beater (คนทำร้ายเมีย) กล่าวถึงเด็ปป์โดยตรง

เจเค โรว์ลิ่ง ผู้แต่งซีรีส์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ชื่อว่าเป็นเฟมินิสต์ตัวยง ที่ปกป้องสิทธิสตรีอยู่เสมอ ดังนั้น เดอะ ซันจึงเชื่อมโยงไปว่า จอห์นนี่ เด็ปป์ ที่รับบทเป็นกิลเลิร์ต กรินเดอวัลด์ ในซีรีส์ Fantastic Beasts (ซึ่งโรว์ลิ่งเขียนเช่นกัน) จึงไม่เหมาะนักที่จะเล่นเป็นตัวละคร ที่โรว์ลิ่งเขียน

ไม่มีใครทราบว่าเป็นแรงกดดันจากใคร แต่สุดท้ายค่ายหนังวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ถอดเด็ปป์จากการเล่นบทกรินเดอวัลด์ และไปเลือกมัดส์ มิคเคลสัน มาเล่นบทนี้แทน

11) จากนั้นชนวนความขัดแย้ง ก็ยังหนักขึ้นต่อไปอีกเมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม 2018 แอมเบอร์ เฮิร์ด เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ โดยตั้งชื่อเรื่องว่า “ฉันยืนหยัดสู้กับเรื่องความรุนแรงทางเพศ แต่สังคมเลือกที่จะโจมตีฉัน เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนได้แล้ว”

แอมเบอร์ เขียนบทความล้อไปกับการเคลื่อนไหว #MeToo ที่ผู้หญิงลุกขึ้นมาต่อสู้ ที่ตัวเองโดนทำร้าย ส่วนหนึ่งในบทความเขียนว่า “เมื่อ 2 ปีก่อน ฉันกลายมาเป็นที่รู้จัก เมื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาสู้จากการโดนทำร้าย และฉันรู้สึกว่าในสังคมของเรา ผู้หญิงคนไหนที่ออกมาพูดจะโดนแรงกระแทกอย่างหนักเสมอ เพื่อนๆบอกฉันว่า ฉันอาจจะติดแบล็คลิสต์ในวงการบันเทิง และอาจไม่มีบทให้แสดงอีก ซึ่งมันก็จริง เพราะหนังบางเรื่องเขาก็หาคนมาเล่นแทนฉัน หรือ แบรนด์สินค้าแห่งหนึ่งยุติการจ้างงานฉัน แม้แต่บทเมร่า ในอะควาแมน ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษาบทไว้ได้ตลอดหรือเปล่า นี่แหละคือสิ่งที่สังคมของเรา มักจะเลือกปกป้องฝ่ายชายเสมอ”

ฝั่งจอห์นนี่ เด็ปป์ไม่พอใจอย่างรุนแรง และมองว่าแอมเบอร์ Play Victim หรือเล่นบทเป็นเหยื่อ โดยโยนความผิดให้เขา ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกว่าเขาเป็นพวกใช้ความรุนแรงด้วยซ้ำ แต่กลับโยนความผิดมาให้เขาแบบนี้ สังคมจะมองเขาอย่างไร

12) เด็ปป์จึงฟ้องศาลทั้ง 2 ประเทศ คือ ฟ้องเดอะ ซัน ข้อหาหมิ่นประมาทที่อังกฤษ และฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ด ที่ศาลในรัฐเวอร์จิเนีย ข้อหาหมิ่นประมาทเช่นกัน ดังนั้นตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมาเด็ปป์จึงตกเป็นข่าวเรื่องคดีความอยู่ตลอด จากในปี 2018 เด็ปป์เล่นภาพยนตร์ถึง 5 เรื่องในปีเดียว แต่ในปี 2019 เขาเล่นแค่ 1 เรื่อง เช่นเดียวกับปี 2020 ก็เล่นแค่ 1 เรื่องเช่นเดียวกัน เด็ปป์นั้นต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ได้

13) คดีแรกคือคดีหมิ่นประมาทที่อังกฤษ เด็ปป์บอกว่า เดอะ ซันจะใช้คำว่า Wife-Beater ไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่คนซ้อมเมีย การตีตราว่าเขาเป็นคนแบบนั้น คือการปั้นเรื่องเท็จอย่างที่สุด

ณ จุดนี้ จึงเป็นหน้าที่ของเดอะ ซัน ที่จะหาหลักฐานมาว่าเด็ปป์เคย ทำร้ายร่างกายแอมเบอร์สักครั้งหรือไม่ ถ้าหากเคยทำ ก็สามารถใช้คำว่า “คนทำร้ายเมีย” ได้ ซึ่งเดอะ ซัน ได้ติดต่อหาแอมเบอร์ เฮิร์ด และขอรายละเอียดทั้งหมดในความสัมพันธ์ ซึ่งฝั่งแอมเบอร์นั้น ก็มองว่าถ้า เดอะ ซัน ชนะคดีที่อังกฤษ เธอเองก็จะได้ประโยชน์ ในการสู้คดีที่สหรัฐฯ ด้วย แอมเบอร์จึงเล่าว่า เธอเคยโดนทำร้ายทั้งหมด 14 ครั้ง ตัวอย่างเช่น

– แอมเบอร์แซวรอยสักของเด็ปป์ ทำให้เด็ปป์โกรธจับเธอทุ่มลงพื้นแล้วตบหน้า 3 ฉาด

– แอมเบอร์แขวนรูปวาดของแฟนเก่าที่เป็นศิลปินเอาไว้บนผนังในห้องนอน เด็ปป์ที่เมาเหล้าตบหน้าเธอไป 1 ที แล้วจะจุดไฟเผารูปวาด

– ตอนที่แอมเบอร์ตามเด็ปป์ไปถ่ายทำเรื่อง Pirates of the Caribbean ที่ออสเตรเลีย เธอโดนซ้อมหลายครั้ง และรู้สึกหวาดกลัวว่าจะโดนฆ่า

– วันเกิดครบ 30 ปีของแอมเบอร์ เด็ปป์ขว้างขวดแชมเปญใส่เธอแต่พลาดไป ก่อนที่จะกระชากหัวด้วยความรุนแรง

14) เมื่อแอมเบอร์ชี้แจงแบบนั้น ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเด็ปป์เสียหายยับเยิน แต่ฝั่งแอมเบอร์เองก็เละไม่แพ้กัน โดยระหว่างการสู้คดี เด็ปป์เล่าว่า สาเหตุที่เลิกกันไม่ใช่เพราะเรื่องทำร้ายร่างกายอย่างที่แอมเบอร์กล่าวอ้างเลย แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของฝ่ายหญิงเองก็สุดจะทนแล้วต่างหาก ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งแอมเบอร์อุจจาระลงบนเตียงนอน ซึ่งฝั่งแอมเบอร์แก้ต่างว่า เป็นอุจจาระของหมาสองตัวที่เลี้ยงไว้ต่างหาก แต่แม่บ้านที่ทำความสะอาดในวันนั้น ยืนยันว่า มันคืออุจจาระของคน ไม่ใช่ของสัตว์แน่นอน และเมื่อไม่ใช่เด็ปป์ ก็ต้องเป็นแอมเบอร์อยู่แล้ว

15) เด็ปป์ยังเล่าว่า พอแต่งงานกันได้เดือนแรก ทนายของเด็ปป์มาคุยเรื่องเอกสารสัญญาก่อนจดทะเบียน ปรากฏว่าแอมเบอร์ โมโหมาก เพราะถ้าเซ็น แปลว่า เมื่อหย่ากันเธอจะไม่ได้รับสินทรัพย์ครึ่งหนึ่ง ผู้หญิงหลายคนมองว่า ผู้ชายไม่เชื่อใจ คิดว่าผู้หญิงมาหลอกเอาเงิน จึงต้องร่างสัญญาแบบนี้ขึ้นมา นอกจากจะไม่ยอมเซ็นแล้ว แอมเบอร์ขว้างขวดว็อดก้าขนาดใหญ่ใส่เขา ขวดแตกกระจายและเศษแก้วเฉือนนิ้วเขาจนขาด เด็ปป์ต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง เพื่อต่อนิ้ว แต่ในครั้งนั้นที่เขาไม่บอกว่า แอมเบอร์เป็นคนทำ เพราะเขาต้องการปกป้องแอมเบอร์ที่เพิ่งแต่งงานกันได้แค่เดือนเดียว

16) รวมไปถึงในการสู้คดี มีคลิปเสียงที่ฝั่งทนายของเด็ปป์ใช้สู้คดี เป็นคำพูดของแอมเบอร์ที่ยืนยันว่า ตัวเองเธอเอง ก็ทำร้ายเด็ปป์หลายครั้ง ทั้งขว้างปาข้าวของ ทั้งตบหน้า โดยในคลิปเสียงเด็ปป์บอกว่าไม่อยากให้ทะเลาะกันแบบใช้กำลังอีก แต่แอมเบอร์กล่าวว่า เธอให้สัญญาไม่ได้หรอก

17) อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มว่า แอมเบอร์ใช้กำลังใส่เด็ปป์จริง แต่ศาลอังกฤษไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินเรื่องคดีทำร้ายร่างกาย แต่กำลังตัดสินคดีหมิ่นประมาทอยู่ ว่าเดอะ ซัน สามารถใช้คำว่า Wife-Beater ได้หรือไม่ ในหน้าสื่อ

สุดท้ายศาลตัดสินให้เดอะ ซันชนะ โดยระบุว่าใน 14 เรื่องที่แอมเบอร์เล่า มีถึง 12 เรื่อง ที่มีแนวโน้มจะเป็นไปได้ ดังนั้นเดอะ ซัน จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และสามารถใช้คำว่า Wife-Beater ได้ พร้อมทั้งให้เด็ปป์ จ่ายเงินค่าทนายให้เดอะ ซัน เป็นเงิน 628,000 ปอนด์ (27 ล้านบาท)

18) ฝั่งที่ปรึกษากฎหมายของเด็ปป์ ไม่พอใจคำตัดสินอย่างรุนแรงโดยกล่าวว่า “สิ่งที่กวนใจมากที่สุดคือศาลให้น้ำหนักแต่คำพูดของแอมเบอร์ เฮิร์ด แต่ละเลยหลักฐานอย่างอื่นจำนวนมหาศาล ทั้งจากคำให้การของตำรวจ และคำให้การของแพทย์ ผลการตัดสินครั้งนี้มันเหลือเชื่อมากๆ และคุณเด็ปป์จะอุทธรณ์อย่างแน่นอน”

19) เมื่อเดอะ ซัน ชนะคดี เช้าวันรุ่งขึ้น หน้า 1 เต็มฉบับ เดอะ ซันจึงโจมตีใส่จอห์นนี่ เด็ปป์อย่างหนักทันทีว่า “เด็ปป์แพ้คดีหมิ่นประมาท และในเวลานี้ เราคอนเฟิร์มได้แล้วว่า เขาคือคนทำร้ายเมียตัวจริง” ซึ่งตอนแรกเด็ปป์จะยื้อขอสู้คดีต่อ แต่ศาลไม่รับฟ้องแล้ว

20) หนึ่งคดีจบไปที่อังกฤษ แต่คดีที่เวอร์จิเนียยังอยู่ เมื่อเด็ปป์ยังคงฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ด ที่เธอไปเขียนบทความในวอชิงตันโพสต์ โดยเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะการกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานของเธอ ทำให้เขาเสียโอกาสทางการงานมากมาย อย่างไรก็ตามในคดีหมิ่นประมาท โจทก์จะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ได้ แต่ศาลจะให้จ่ายหรือไม่ ก็อีกกรณีหนึ่ง

21) ในตอนแรกคดีจะเริ่มการไต่สวนในเดือนพฤษภาคม 2021 แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คดีต้องดีเลย์ออกไปเป็นปีหน้า โดยจะเริ่มตัดสินคดีในวันที่ 11 เมษายน 2022 เป็นต้นไป ดังนั้นในระหว่างนี้ ทั้งเด็ปป์ และแอมเบอร์ ก็ต้องหาหลักฐานในการยืนยันความถูกต้องของตัวเอง จนกว่าวันตัดสินคดีจะมาถึง โดยหลักฐานล่าสุดที่ปรากฏตอนนี้ คือกล้อง Body Cam จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ LAPD ที่เข้าไปตรวจสถานการณ์ ตอนที่เพื่อนของแอมเบอร์โทรแจ้งให้ ซึ่งภาพในกล้อง ไม่ปรากฏร่องรอยการทะเลาะกัน ตามที่แอมเบอร์กล่าวอ้าง

22) สำหรับเด็ปป์ เขาโดนตัดทิ้งจากบทกิลเลิร์ต กรินเดอวัลด์ ขณะที่แอมเบอร์นั้นมีข่าวว่าอาจโดนตัดทิ้งจากบทเมร่า ใน Aquaman แต่สุดท้ายเธอก็ยังได้เล่นอยู่ โดยใน Zack Snyder’s Justice League เธอก็ยังปรากฏตัวอยู่ เช่นเดียวกับภาพยนตร์ Aquaman 2 ก็เชื่อว่าเธออาจจะยังได้เล่นเป็นเมร่าต่อไปอีกหนึ่งภาค

23) สำหรับการต่อสู้กันระหว่างจอห์นนี่ เด็ปป์ กับ แอมเบอร์ เฮิร์ด สร้างข้อถกเถียงในสังคมขึ้นมาอย่างมาก ในประเด็นว่าเมื่อแอมเบอร์เองก็มีหลักฐานว่าทำร้ายร่างกายเด็ปป์ชัดเจน แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง ทำให้เธอไม่โดนประณามหนักมากนัก ภาพยนตร์ก็ยังได้เล่นอยู่ ไม่มีใครบอกว่าเธอเป็น Husband-Beater แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเด็ปป์ แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน กลับโดนเหยียบจมดินไปเรียบร้อยแล้ว และโดนตราหน้าว่าเป็น Wife-Beater อย่างในปัจจุบัน

24) นอกจากนั้นสิ่งที่สังคมเรียนรู้ได้จากเรื่องเด็ปป์ กับ แอมเบอร์ คือการใช้ความรุนแรงในครอบครัว หรือ Domestic Abuse ในภาพรวมๆ ฝ่ายชายกระทำฝ่ายหญิงจะมีมากกว่า แต่ในปัจจุบันก็มีไม่น้อยที่ฝ่ายหญิงก็ใช้กำลังกับฝ่ายชาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม การใช้ความรุนแรงใส่กัน ก็เป็นความผิดทุกกรณีอยู่ดี

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า