Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

#explainer แฮชแท็กอันดับ 1 ของวันนี้ #ค้ามนุษย์ นี่เป็นเรื่องราวของ 3 เหตุการณ์ ที่ขนานกันไป ได้แก่ โรฮิงญา, การค้ามนุษย์ และการโยกย้ายนายตำรวจน้ำดีจนต้องลี้ภัยหนีตาย

เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นอย่างไร ทำไมถึงกลายเป็นข่าวใหญ่ของประเทศ workpointTODAY จะสรุปเรื่องราว แบบเข้าใจง่ายที่สุดใน 16 ข้อ

1) โรฮิงญา คือ กลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่นับถืออิสลาม ส่วนใหญ่อาศัยในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า ในขณะที่โรฮิงญาอ้างว่าพวกเขาอาศัยในประเทศพม่ามาหลายชั่วอายุคน แต่รัฐบาลพม่าจะตอบโต้เสมอว่าจริงๆแล้ว โรฮิงญาเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และไม่ยอมรับว่าเป็นพลเมือง

พม่าเคยระบุไว้ในปี 2535 ว่าพม่ามี 135 ชาติพันธุ์ในประเทศ แต่โรฮิงญาไม่ใช่หนึ่งในนั้น นั่นทำให้ชาวโรฮิงญาไม่ได้รับสวัสดิการจากรัฐ ทั้งการรักษาพยาบาลและการศึกษา ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของชาวโรฮิงญาตกต่ำลงเรื่อยๆ
รัฐบาลพม่ากระทำการรุนแรงกับชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่บ่อยขึ้น ทำให้ชาวโรฮิงญาจำนวนมากหนีภัยสงครามอพยพย้ายถิ่นฐานไปประเทศอื่นโดยล่องเรือผ่านทางทะเลอันดามัน เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในแผ่นดินไทย หรือในแผ่นดินมาเลเซีย

2) ข้อมูลระหว่างปี 2549 – 2554 ระบุว่า มีโรฮิงญาที่ลักลอบอพยพเข้าสู่ประเทศไทย แล้วโดนทางการจับได้มากกว่า 15,000 คน โดยโรฮิงญาเหล่านี้ ไม่ถูกมองว่าเป็นผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
ดังนั้นรัฐบาลจึงมีวิธีตอบโต้ 2 วิธี คือถ้าโรฮิงญาขึ้นแผ่นดินได้แล้ว จะส่งต่อให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินคดี แต่ถ้าโรฮิงญาลอยอยู่บนน้ำ ภาครัฐจะให้อาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และผลักดันออกจากชายฝั่งไทยต่อไป

3) ปัญหาของโรฮิงญาที่รัฐบาลไทยแก้ไม่ได้ คือพวกเขาไม่ถูกรับรองสัญชาติจากใครเลย จะส่งคืนให้พม่า พม่าก็ไม่ยอมรับว่าเป็นพลเมืองของตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลไทยจะทำได้ คือต้องกักกันไว้ในพื้นที่พิเศษ สำหรับผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่รอการผลักดันกลับเพียงแค่นั้น เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล่าวคือฝั่งไทยส่งคืนใครก็ไม่ได้ และไม่สามารถรับมาเป็นพลเมืองไทยได้เช่นกัน ดังนั้นจึงได้แต่กักตัวเอาไว้ที่สถานีตำรวจ หรือจุดกักกันที่สร้างขึ้นมา โดยแบ่งแยกห้องขังชายกับหญิง ไว้คนละจุด

4) การโดนกักขังไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ส่งผลให้ชาวโรฮิงญาหลายคนเกิดความเครียด และนำมาสู่การก่อความวุ่นวายขึ้น ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ชาวโรฮิงญาก่อจลาจลที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามด้วยวันที่ 8 สิงหาคม ก่อจลาจลลักษณะเดียวกันที่จังหวัดพังงา นอกจากนั้นบางคนยังแหกห้องขังแล้วหนีออกไปนอกเขตกักกัน เป็นต้น

5) สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ การอพยพของกลุ่มโรฮิงญา คือเรื่องการค้ามนุษย์ กล่าวคือชาวโรฮิงญาไม่มีหลักฐานแสดงตัวตนว่าเป็นใคร และไม่มีสัญชาติรองรับ พวกเขาต้องการเพียงแค่หนีออกไปจากพื้นที่สงคราม ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเข้าประเทศอื่นจึงรีบคว้าไว้ แม้จะไม่รู้ว่าต้องถูกส่งไปทำอะไรก็ตาม

นั่นเป็นสิ่งที่ขบวนการค้ามนุษย์สามารถฉกฉวยได้ โดย ข้อมูลจากงานวิจัยของศิววงศ์ สุขทวี ระบุว่า มีชาวโรฮิงญาจำนวนหนึ่งที่ต้องกลายเป็นแรงงานบนเรือประมง ไม่มีโอกาสได้ขึ้นฝั่งเป็นระยะเวลานาน หากทนได้ก็ทน หากทนไม่ได้ก็อาจถูกฆ่ากลายเป็นศพกลางทะเล ขณะที่ชาวโรฮิงญาหญิงหลายคนโดนล่วงละเมิดทางเพศ

6) ในเดือนพฤษภาคม 2558 เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น เมื่อตำรวจค้นพบแคมป์ที่มีลักษณะเหมือนค่ายกักกันของขบวนการค้ามนุษย์ อยู่ที่เขตเทือกเขาแก้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ดูลักษณะแล้ว เป็นที่คุมขังชาวโรฮิงญาที่อพยพมาจากรัฐยะไข่ ภายในแคมป์มีชาวโรฮิงญาบางคนที่รอดชีวิต และได้เปิดเผยว่าได้หนีตายออกมาจากรัฐยะไข่เพื่อลี้ภัยไปที่มาเลเซียโดยผ่านทางพรมแดนไทย แต่พอขึ้นฝั่งที่ไทย กลับโดนเจ้าหน้าที่รัฐจับคุมขังไว้ แล้วโดนเรียกค่าไถ่ซ้ำ ถ้าใครไม่มีญาติที่คอยจ่ายเงินให้ ก็จะโดนทรมาน ถ้าเป็นผู้หญิงบางคนก็จะโดนข่มขืนด้วย

7) สถานการณ์หนักขึ้นไปอีก เมื่อตำรวจไปตรวจสอบและค้นพบหลุมศพ ถึง 35 หลุม เป็นหลักฐานว่า ชาวโรฮิงญาคนไหนที่ไม่มีเงินจ่ายเรียกค่าไถ่ ก็จะโดนใช้แรงงานหนัก และโดนซ้อมจนถึงแก่ความตายก่อนโดนนำไปฝัง ซึ่งเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในระดับโลก เพราะแสดงให้เห็นว่าไทยไม่สามารถจัดการกับคดีค้ามนุษย์ได้อย่างดีพอ แถมยังมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

8 ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่ง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ตำรวจฝีมือดีที่มีผลงานในคดีทลายแก๊งมาเฟียที่ภูเก็ต ลงมาสืบสวน และเขาสืบคดีจนพบว่านี่คือขบวนการขนาดใหญ่ มีทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

โดยพล.ต.ต.ปวีณ ทำเอกสารมหาศาลมากกว่า 1 แสนหน้า รัดกุมทุกมิติ จนคนร้ายไม่สามารถดิ้นได้ ก่อนจะออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 155 คน (เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน เหลือ 153 คน) โดยในจำนวนนี้ หลายคนเข้ามามอบตัว แต่บางคนก็ทำการหลบหนี

9) หนึ่งในบุคคลที่เป็นตัวละครสำคัญของเรื่องนี้ คือ พล.ม. มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมค้ามนุษย์ โดยศาลตัดสินให้เขา มีความผิดฐานค้ามนุษย์ จำคุก 82 ปี และ มีความผิดฐานฟอกเงิน มีความผิด 20 ปี การโดนลงโทษของผู้ใหญ่ในกองทัพ ทำให้ฝั่งทหารมีความเสื่อมเสียอย่างมาก อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีตอบโต้ว่า “อย่าลืมว่าทหารทั้งประเทศมีถึง 4-5 แสนคน ไอ้มนัสเป็นเพียงคนเดียว มันจะทำให้กองทัพเจ๊งทั้งระบบหรืออย่างไร”

10) ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ หลังจากทำคดีค้ามนุษย์ ได้ 6 เดือน และมีผลงานชิ้นโบแดง พล.ต.ต.ปวีณ กลับถูกโยกย้ายให้ไปปฏิบัติราชการในจังหวัดชายแดนใต้ เจ้าตัวมองว่านี่คือเหตุการณ์ผิดปกติ และอาจมีการเพ่งเล็งเพื่อลอบสังหารเขาก็เป็นได้ เนื่องจากไปขัดกับผู้มีอิทธิพลในเรื่องผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์โรฮิงญา สุดท้าย พล.ต.ต.ปวีณ จึงลาออกจากราชการ แล้วบินหนีไปที่สิงคโปร์ ก่อนจะขอลี้ภัยไปอยู่ออสเตรเลียในที่สุด

11) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวถึง พล.ต.ต.ปวีณว่า “ท่านไปอ้างว่าท่านทำงานเยอะ คดีเยอะ ศัตรูเยอะ แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับโจรมาตลอดชีวิต ผมเองก็จับโจรมาเยอะก็ยังเดินลอยหน้าลอยตาได้ ไม่เห็นมีใครมายิงผมเลย … ผมรับราชการมาทั้งชีวิต เพิ่งเคยเห็นตำรวจลี้ภัย เคยเห็นแต่นักการเมืองลี้ภัย เพิ่งเคยเจอครั้งนี้ที่ขอลี้ภัย ตกใจเหมือนกัน”

พล.ต.ต.ปวีณ อธิบายว่า ขบวนการค้ามนุษย์ใหญ่ขนาดนี้ มีการขนคนเข้าน่านน้ำไทยจำนวนมากระดับพันกว่าคน แต่จับนายทหารได้แค่ไม่กี่คน ดังนั้นมีโอกาสเป็นไปได้ ที่จะมีคนอยู่เบื้องหลัง พล.ท.มนัสอีก เพราะนายทวารคนเดียวจะคุมทั้งทะเลอันดามัน ไม่น่าจะเป็นไปได้

12) อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่สามารถสืบสาวต่อได้ เพราะหลังจากติดคุกได้ระยะหนึ่ง พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ต้องหาคนสำคัญกลับเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ สังคมจึงเกิดคำถามว่า มีการฆ่าตัดตอนใดๆ หรือไม่ แต่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม อธิบายว่า พล.ท.มนัส เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว และโรงพยาบาลก็มีกล้องวงจรปิด ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง หรือเสียชีวิตอย่างปริศนาตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด

13) ในเวลาต่อมา เมื่อจบจากคดีที่อ.สะเดาแล้ว แต่ปัญหาการค้ามนุษย์โรฮิงญาที่มีคนไทยไปเกี่ยวข้อง ยังคงไม่ลดปริมาณลงแต่อย่างใด และคราวนี้ไม่ได้มีแต่ทางเรืออีกแล้ว แต่มีการอพยพทางบกด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ตรวจพบชาวต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองเป็นจำนวนมาก เป้าหมายมีทั้งเข้ามาอยู่ในไทย และผ่านต่อไปมาเลเซีย โดยมีการจับกุมชาวโรฮิงญาบางกลุ่มที่ลักลอบจนมาถึงกรุงเทพมหานครเลยทีเดียว

ข่าวการค้ามนุษย์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้สหรัฐอเมริกา ลดอันดับเรื่องการค้ามนุษย์ จากเดิมอยู่ที่ Tier 2 หล่นไปอยู่ระดับ Tier 2 Watch List ซึ่งถ้าหากไม่สามารถแก้ไขได้ แล้วโดนหล่นไปอีกถึงระดับ Tier 3 คราวนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ เพราะไทยมีโอกาสถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาได้

14) วันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายที่สภา และกล่าวว่า ได้ติดต่อกับ พล.ต.ต.ปวีณ ที่ลี้ภัยไปที่ออสเตรเลียนานถึง 2 ปี และในที่สุด พล.ต.ต.ปวีณ ก็ยอมเปิดเผยข้อมูลลึกๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะการโดนบีบกดดันจากผู้มีอำนาจ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนตั้งใจทำงาน ตัวอย่างเช่น มีคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปกดดันให้ปล่อยตัว พล.ท.มนัส ซึ่งเมื่อ พล.ต.ต.ปวีณไม่ยอม จึงกลายเป็นเป้าโดนเพ่งเล็ง

นายรังสิมันต์กล่าวว่า “สาเหตุที่แท้จริงที่รัฐบาลนี้ ไม่ส่งเสริมให้คนอย่างคุณปวีณได้ทำงาน ก็เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว ผู้ค้ามนุษย์ตัวใหญ่ตัวจริงมันอยู่แถวๆ นี้”

“จริงอยู่นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถึงที่สุดนี่ก็คือความอยุติธรรมที่ยังไม่สิ้นสุด … เป็นความอยุติธรรมที่ทำให้ขบวนการที่ไร้สำนึกความเป็นคนยังหากินกับชีวิตของคนอื่น เป็นความอยุติธรรมที่ทำให้ คนชั่วๆ ได้ดี คนดีๆ ต้องลี้ภัย”

15) เมื่อวานนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2565) แฮชแท็ก #ค้ามนุษย์ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเทรนด์ในประเทศไทย สาเหตุเพราะในเรื่องนี้ มี 3 เหตุการณ์สำคัญที่เดินควบคู่กันไป เรื่องแรกคือประเด็นเรื่องการจัดการโรฮิงญา ที่ในสังคมยังคงเสียงแตก บางคนบอกว่าคนไทยควรแสดงน้ำใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ เมื่อคนหนีร้อนมา ก็ควรให้ความช่วยเหลือ แต่อีกส่วนก็จะโต้แย้งแล้วบอกว่า ประเทศต้นทางอย่างเมียนมา ยังไม่คิดจะรับผิดชอบด้วยซ้ำ แล้วทำไมคนไทยต้องมาเสียงบประมาณ และใช้ภาษีเพื่อดูแลคนที่ลักลอบเข้าเมืองด้วย ถ้าปล่อยให้เข้ามาอยู่ในสังคมง่ายๆ แล้วจะมีการเข้าเมืองถูกกฎหมายไว้ทำไม

เรื่องที่สองคือการค้ามนุษย์ ที่รัฐบาลในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังทำได้ไม่ดีพอ โดย น.ส.พรรณิการ์ วาณิช อดีตส.ส. อนาคตใหม่กล่าวว่า ที่กล่าวไปทั้งหมด ไม่ได้เป็นการขุดเรื่องอดีตเอามาอภิปรายรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะไทยเพิ่งโดนปรับลดลงมาอยู่ Tier 2 Watch List เมื่อปีก่อน แปลว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถถอนรากถอนโคนขบวนการค้ามนุษย์ได้เลย จนไทยต้องเสียเกียรติภูมิต่อประชาคมโลกด้วย

และเรื่องที่ 3 คือประเด็นนายตำรวจที่มีผลงานโดนเด่นอย่าง พล.ต.ต.ปวีณ กลับต้องลี้ภัยไปอยู่ออสเตรเลีย เพราะกังวลว่าชีวิตของตัวเองจะไม่ปลอดภัย ถ้าอยู่ในประเทศไทยต่อ คำถามคือ ถ้าหากนายตำรวจที่พร้อมท้าชนกับความไม่ถูกต้อง ยังต้องหนีตายไปที่อื่น แล้วประชาชนธรรมดาจะไปเอาความปลอดภัยมาจากไหน

16) เรื่องโรฮิงญา เรื่องค้ามนุษย์ และเรื่องอิทธิพลผู้มีอำนาจเข้ามาแทรกแซงการทำงานของตำรวจน้ำดี เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้วหลายปีติดต่อกัน หากไม่มีการจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ถูกต้องเหมาะสม คนไทยเองจะรู้สึกไม่ปลอดภัย เช่นเดียวกับต่างชาติ ก็อาจมองประเทศไทยเป็นดินแดนอันตรายได้เช่นเดียวกัน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า