SHARE

คัดลอกแล้ว

จำนวนผู้ใช้รายวันของ Facebook กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังหดหายไปเมื่อไตรมาสที่ผ่านมา แต่โดยรวมแล้ว ยังคงมีอัตราการเติบโตของรายได้ แต่ก็ไม่ถึงที่คาดไว้ โดยมีการเติบโตของรายได้ต่ำสุดในรอบทศวรรษ

ในไตรมาสที่แล้ว  Facebook เผยยอดผู้ใช้ที่ลดลงครั้งแรกในรอบ 18 ปี จากการเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งอย่าง TikTok และ YouTube และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ที่ทำให้การซื้อขายโฆษณาลดลงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสล่าสุด Meta เผยถึงผลกำไรที่สูงขึ้นมากกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้ หุ้นของ Meta เพิ่มขึ้น 19% หลังจากการซื้อขายนอกเวลาทำการ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

[ ผู้ใช้งานรายวันเพิ่มขึ้น แต่รายเดือน กำลังชะลอ] 

Meta เผยผลกำไรในปัจจุบันที่ 2.72 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าการวิเคราะห์ของ Wall Street ที่คาดการณ์ไว้เพียง 2.56 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นการเติบโตของรายได้ที่ช้าที่สุดในรอบทศวรรษของ Meta

ส่วนรายได้ในไตรมาสแรกของ Facebook อยู่ที่ 2.79 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมาประมาณ 7% 

โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายโฆษณา  แต่ตัวเลขนี้ยังถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.82 หมื่นล้านดอลลาร์ 

นอกจากนี้ ยอดผู้ใช้รายวันของ Facebook ตอนนี้อยู่ที่ 1.96 พันล้านราย ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.95 พันล้านเล็กน้อย ซึ่งตัวเลขนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ และเป็นตัวชี้วัดสำหับการซื้อขายโฆษณาบน Facebook 

ส่วนยอดผู้ใช้งานรายเดือนอยู่ที่เพียง 2.94 พันล้านราย ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 30 ล้านราย

ก่อนหน้านี้ที่ Facebook สูญเสียผู้ใช้เป็นจำนวนมาก จนทำให้ Meta สูญเสียมูลค่าไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งยอดผู้ใช้งานรายวันของ Facebook ลดลงจากปัจจัยต่างๆ 

เช่น การเปลี่ยนแปลงของนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Apple และผลกระทบจากจำนวนผู้ใช้ที่อายุน้อยลดลง เพราะหันไปใช้แพลตฟอร์มของคู่แข่งอย่าง TikTok แทน

Debra Williamson นักวิเคราะห์จาก Insider Intelligence บอกว่า “การที่ Meta สามารถกลับมากระตุ้นยอดผู้ใช้รายวันได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะได้เห็นถึงการฟื้นตัวจากผลการดำเนินงานของไตรมาสที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของผู้ใช้งานรายเดือนกำลังชะลอตัวอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ในไตรมาสที่ผ่านมา Facebook สามารถพึ่งตลาดในประเทศที่กำลังพัฒนา ที่คอยขับเคลื่อนกลไกการเติบโตของแพลตฟอร์ม แต่ตอนนี้มีแนวโน้มว่า โอกาสการเติบโตในตลาดเหล่านี้ก็เริ่มจะแห้งเหือด” 

ถึงแม้ Facebook จะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีกครั้ง แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ ของ Meta เช่น Instagram และ Whatsapp ยังมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ต่ำสุดในรอบทศวรรษอยู่ 

[ ปัจจัยภายนอกที่กระทบ Facebook ในไตรมาสแรก ]

Dave Wehner ซีเอฟโอกล่าวถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบในไตรมาสแรกของ Facebook อย่างเช่น  การชะลอตัวของอีคอมเมิร์ซ ที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดของโควิด-19 รวมถึงการสูญเสียรายได้ในรัสเซีย 

ธุรกิจต่างๆ ถอนตัวจากการโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ เนื่องจากต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน

ในขณะที่ Google และ Facebook ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานสำหรับโฆษณาออนไลน์ แต่พวกเขากำลังเผชิญกับคู่แข่งหน้าใหม่ เช่น TikTok ที่ดึงดูดผู้ใช้ได้มาก และ Amazon ที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านการซื้อของออนไลน์

สงครามบุกยูเครนของรัสเซียยังทำให้หลายๆ แบรนด์ออกมาประนามกับเหตุการ์ณของรัสเซียในครั้งนี้ ซึ่งรัสเซียเอง ก็มีการตอบโต้ และสั่งแบน Facebook และ Instagram ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 

โดยพบว่า Meta มีความผิดฐาน ‘ทำกิจกรรมสุดโต่ง’ ท่ามกลางการปราบปรามสื่อสังคมออนไลน์ของมอสโกในระหว่างการรุกรานยูเครน แต่ Meta เองก็ห้ามผู้ใช้ในรัสเซียทุกราย ในการซื้อขายโฆษณาบน Facebook ด้วย

อย่างไรก็ตาม WhatsApp ไม่ได้รับผลกระทบจากการแบน Meta ของรัสเซียแต่อย่างใด 

นอกจากเหตุการณ์ทั่วโลกแล้ว Mark Zuckerberg ยังพูดถึงยอดการมีส่วนร่วม (engagement rate) ที่เปลี่ยนไป โดยพวกเขาเริ่มให้ความสนใจกับฟีเจอร์อื่นๆ 

เช่น วิดีโอสั้น หรือ ‘Reels’ ที่เริ่มได้รับความสนใจ และตอนนี้บริษัทกำลังลงทุนในวิดีโอ Reels เพื่อแข่งขันกับ TikTok ซึ่งในไตรมาสแรก ผู้ใช้บัญชีใช้เวลาประมาณ 20% บน Instagram ในการดูวิดีโอ Reels และอีก 50% บน Facebook ด้วย

ตอนนี้ Meta คาดว่ายอดขายโฆษณาจะสามารถตามขึ้นมาได้ ถึงแม้ Reels จะสร้างรายได้น้อยกว่ารูปแบบโฆษณาอื่นๆ เช่นกัน

[ กว่าจะถึงเป้าหมาย Metaverse ต้องลงเงินและเวลาอีกหลายปี ]

Meta คาดการณ์รายได้ในไตรมาสที่สอง อยู่ที่ระหว่าง 2.8-3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทจะติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากกฎระเบียบในยุโรป และท่าทีของรัสเซียต่อไป

นอกจากนี้ Meta ยังลดค่าใช้จ่ายรวมที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้เหลือเพียงระหว่าง 8.7-9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ จากแนวโน้มก่อนหน้าที่ 9-9.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ผู้บริหารของ Meta กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทได้ลงทุนใน AI และ machine learning เพื่อปรับปรุงความสามารถด้านโฆษณา ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากจากนโยบายของ Apple ที่แบรนด์ต่างๆ กำหนดเป้าหมายและวัดผลโฆษณาได้ยากขึ้น 

Mark ย้ำว่า Meta ยังต้องลงทุนเงินและเวลาอีกนานหลายปี กว่าจะบรรลุเป้าหมายในการสร้าง metaverse ซึ่งเป็นแนวคิดล้ำยุคของสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ผู้ใช้สามารถทำงาน เข้าสังคม และเล่นได้ แต่ราคาในการลงทุนยังถือว่าสูงมากสำหรับตอนนี้ 

ที่มา : Reuters, BBC 1 2, TechCrunch

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า