SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 2 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กประกาศว่าจะยุติระบบจดจำใบหน้า หรือ Face Recognition หลังมีความกังวลเพิ่มขึ้นจากผู้ใช้งานและหน่วยงานกำกับดูแล

โดยโซเชียลเน็ตเวิร์กรายนี้ที่ปัจจุบันมีบริษัทแม่ชื่อ Meta กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลให้มีการลบเทมเพลตการจดจำใบหน้าของบุคคลมากกว่า 1 พันล้านคนออกไป

บริษัทยังระบุอีกว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในแต่ละวัน หรือกว่า 600 ล้านบัญชี ถูกเลือกให้ใช้งานเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

ทั้งนี้ การลบระบบดังกล่าวออกไป จะทำให้เฟซบุ๊กไม่รู้จักใบหน้าของผู้คนในรูปภาพหรือวิดีโอโดยอัตโนมัติอีกต่อไป นั่นหมายถึงสำหรับผู้ใช้ ก็จะไม่มีการแท็กอัตโนมัติด้วยนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลต่อเทคโนโลยีแสดงข้อความแทน (alt text) อัตโนมัติ ที่บริษัทใช้เพื่ออธิบายภาพให้กับคนตาบอดหรือผู้พิการทางสายตาด้วย

โดยเทคโนโลยีจดจำใบหน้าจะถูกลบออกไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

“สังคมมีข้อกังวลมากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า และหน่วยงานกำกับดูแลยังอยู่ในระหว่างการจัดทำกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งาน” เฟซบุ๊กกล่าว และว่า

“ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เป็นอยู่นี้ เราเชื่อว่า การจำกัดการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าให้อยู่ในวงแคบๆ นั้นเหมาะสมกว่า”

เฟซบุ๊กยังกล่าอีกว่า การยุติการใช้ระบบจดจำใบหน้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของ “การย้ายทั้งบริษัทออกจากการระบุตัวตนแบบกว้างๆ เช่นนี้”

ทั้งนี้ Meta ที่เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งประกาศโรดแม็ปในการสร้างโลกเสมือนจริงขนาดใหญ่ ระบุว่า บริษัทยังคงพิจารณาเทคโนโลยีการจดจำใบหน้ามาใช้ในกรณีที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้ในการยืนยันตัวตน หรือเพื่อป้องกันการฉ้อโกงและการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น

การตัดสินใจปิดระบบนี้บนเฟซบุ๊ก เกิดขึ้นท่ามกลางการรายงานข่าวจำนวนมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ ‘ฟรานเซส ฮาวเกน’ อดีตพนักงานที่เผยแพร่เอกสารภายในของบริษัทไปยังสำนักข่าว ฝ่ายนิติบัญญัติ และหน่วยงานกำกับดูแล

โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า เฟซบุ๊กตระหนักถึงอันตรายหลายประการที่เกิดจากแอปและบริการของตน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือพยายามแก้ไขปัญหาได้

ทั้งนี้ ในปี 2555 เฟซบุ๊กเข้าซื้อกิจการ Face.com สตาร์ทอัพสัญชาติอิสราเอล โดยมีรายงานว่าดีลดังกล่าวมีมูลค่าต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ โดยได้รวบรวมทีมนักพัฒนาที่เน้นเรื่องการจดจำใบหน้าสำหรับแอปบนมือถือ

ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เฟซบุ๊กเข้าซื้อกิจการอินสตาแกรม ซึ่งเป็นความพยายามครั้งใหญ่ที่สุดของ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ในการย้ายธุรกิจไปยังมือถือมากขึ้น

และในเดือน ก.ค. 2563 บริษัทตกลงที่จะจ่ายเงิน 650 ล้านดอลลาร์ หลังจากถูกฟ้องในข้อหารวบรวมและจัดเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติความเป็นส่วนตัวของข้อมูลไบโอเมตริกแห่งรัฐอิลลินอยส์

ที่มา : https://www.cnbc.com/2021/11/02/facebook-will-shut-down-program-that-automatically-recognizes-people-in-photos-and-videos-delete-data.html?utm_content=Main&utm_medium=Social&utm_source=Facebook&fbclid=IwAR36hZwCTDT4UnG7N63OYJUXsST3fxwbOBuQk09zDDLIQ1yvnpkxHTKmhak#Echobox=1635873306

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า